"เมื่อสาวจอมกะล่อนกลับกะล่อนไม่ออกเมื่อต้องไปพัวพันกับเหตุฆาตกรรมระดับชาติ ชีวิตจึงหักเหหลบซ่อนเข้ามาอยู่ในฟาร์มหมู แต่ไม่หมูอย่างที่คิด เพราะต้องพบเจอกับคุณชายติสแตก แล้วสาวเจ้าเมื่อเห็นคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูอย่างเราจะทำอะไร ก็ต้องเลี้ยงแกะซิคะ" ไผ่พญา (ไปรยา สวนดอกไม้) หรือที่คนในวงการเรียกกันว่า จูเลีย อ๊ะๆ ไม่ใช่วงการบันเทิงหรอก วงการที่ว่าคือ ดิออร์แกน คอกเทลเลาจ์ระดับเอ็กซ์คลูซีฟนั่นเอง ผู้คนที่เข้ามาถ้าไม่ใช่นักการเมืองก็ต้องเป็นพวกมหาเศรษฐีเท่านั้น ไผ่พญาถือเป็นดาวและเป็นแม่เหล็กของที่นี่ เศรษฐีทุกคนต่างอยากได้ตัวของไผ่พญาทั้งนั้น แต่ทุกคนก็ต้องเกรงอกเกรงใจ สมสุข...(โอริเวอร์ บีเวอร์) เศรษฐีที่ร่ำรวยจากการส่งออก แต่ใครๆ ก็รู้ว่าเบื้องหลังของเขา คือ เจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ที่มีเครือข่ายตั้งแต่เหนือสุดจนใต้สุดของประเทศไทย ไผ่พญาอยากจะเปลี่ยนชื่อสมสุขเป็นสมสู่จริงๆ เพราะที่สมสุขมาเที่ยวทุกคืนก็เพราะอยากได้ไผ่พญาเป็นเมียเก็บอีกคน แต่ไผ่พญาก็รู้ทันพวกผู้ชาย แล้วใครๆ ก็รู้ว่าไผ่พญานั่นแหละเป็นปลาไหลตัวแม่เลยทีเดียว เพราะอย่างนี้ไผ่พญาถึงยังทำงานเป็นเด็กนั่งดริ๊งก์ได้ โดยที่ไม่เคยพลาดท่าใคร จนกระทั่งคืนนี้ ความเหลืออดของสมสุขถึงที่สุดยังไงคืนนี้เขาต้องได้เธอให้ได้ สมสุขจึงได้ให้บรรดาลูกน้องล้อมหน้าล้อมหลังพาไผ่พญาไปยังบ้านเขา ไผ่พญาตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ยังดีที่เธอพกยานอนหลับอย่างแรงเอาไว้ติดตัวเผื่อฉุกเฉินเสมอ สมสุขนอนยิ้มกริ่มหลับไปไม่รู้ตัว ไผ่พญามองแล้วยี้ปากว่าคนอย่างสมสุขไม่มีทางได้แอ้มเธอแน่ ก่อนที่ไผ่พญาจะเห็นสร้อยทองมีจี้เป็นแท่งสี่เหลี่ยมที่คอของสมสุข ไผ่พญาจึงขอมาเป็นค่าเปลืองเนื้อเปลืองตัวของเธอสำหรับคืนนี้ หรือเรียกง่ายๆ ว่าตบทรัพย์นั่นเอง ไผ่พญากำลังจะย่องหนีออกมา แต่แล้วเสียงปืนหลายสิบนัดก็ดังสนั่นหวั่นไหว ไผ่พญาตกใจก่อนจะเห็นกลุ่มชายชุดดำหลายคนบุกเข้ามาในบ้านของสมสุขแล้วฆ่าลูกน้องของสมสุขจนเกลี้ยงตับ ไผ่พญาพยายามปลุกสมสุขแต่สมสุขก็ไม่รู้สึกตัว ขณะที่ไผ่พญาเองก็ได้ยินเสียงเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ทุกที ไผ่พญารีบหลบเข้าไปในตู้เสื้อผ้า แล้วสิ่งที่เธอเห็นจากรอยแยกที่ประตูตู้เสื้อผ้าก็ คือ มือที่ใส่ถุงมือดำกำลังลั่นไกใส่สมสุข เธอไม่เห็นว่าใครเป็นคนที่ใส่ถุงมือนั้น แต่คนที่เธอเห็นหลังจากไอ้มือดำนั่นยิงสมสุขก็คือ พายัพ (สาริน บางยี่ขัน) ที่กำลังมองร่างไร้วิญญาณของสมสุขอย่างสะใจ ระหว่างนั้นลูกน้องต่างเข้ามารายงานว่าไม่พบสิ่งที่หา แต่แล้วเสียงของไอ้มือดำก็ดังขึ้น ว่ายังมีผู้หญิงอยู่ที่นี่ พายัพหันไปมองก็เห็นรองเท้าของไผ่พญา ไผ่พญาที่หลบอยู่ในตู้รีบสวดมนต์เป็นการใหญ่ แล้วก็เหมือนคำสวดมนต์จะได้ผล เมื่อเสียงรถหวอตำรวจดังมาแต่ไกล พายัพจึงได้บอกทุกคนให้รีบหนีกันก่อน ไผ่พญากลับมาบ้านอย่างอกสั่นขวัญแขวน ก่อนที่ ลำไย...(ณหทัย พิจิตตรา) แม่บังเกิดเกล้าผู้เอาแต่กินเหล้ากับเล่นไพ่ พอเห็นไผ่พญาก็ไม่วายขอเงินอีก แล้วยิ่งเห็นไผ่พญาใส่สร้อยทองที่เพิ่งได้จากสมสุขมาก็อยากขอไปทำทุน แต่ไผ่พญากลับรู้สึกผิดจากการที่ทำให้สมสุขต้องตาย ถ้าเธอไม่ใช้ยานอนหลับ บางทีเขาอาจจะหนีพ้นแล้วก็ได้ ไผ่พญาปฏิเสธที่จะให้สร้อยกับลำไย ถึงแม้เธอจะรักแม่ขี้เมาแค่ไหนแต่เธอให้สร้อยเส้นนี้กับใครไม่ได้ ข่าวการเสียชีวิตของสมสุขดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ไผ่พญาลังเลว่าควรจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับตำรวจดีมั้ย ไผ่พญาคิดไม่ตกเพราะถ้าทำอย่างนั้นก็เหมือนพาตัวเองเข้าไปสู่อันตราย ไผ่พญาจึงทำตัวเงียบแล้วไปทำงานตามปกติ ทันทีที่ถึง ขิง...(ทศพร รถกิจ) บาเทนเดอร์ชายเพื่อนจอมแสบ กับ กระดังงา...(คีตภัทร อันติมานนท์) แฟนสาวที่คอยหาเรื่องหาราวให้กับไผ่พญาตลอดเวลา รีบมาบอกไผ่พญาว่ามีคนมารอพบไผ่พญา ดูท่าจะเป็นเสี่ยกระเป๋าหนักกว่าสมสุขอีก ไผ่พญาคิดว่าหลังพายุฟ้าย่อมแจ่มใสเสมอ แต่ไผ่พญากลับคิดผิด เพราะคนที่มารอพบเธอคือ พายัพ นั่นเอง ไผ่พญารีบหนีออกมาแล้วได้รู้ว่าที่พายัพมาหาเธอเพราะคิดว่าเธอต้องรู้อะไรที่สมสุขให้ไว้กับเธอก่อนตาย ไผ่พญาหนีรอดจากการไล่ล่าของพายัพมาได้ แต่ก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เมื่อไผ่พญาได้ยินข่าวในโทรทัศน์ว่า ขณะนี้ทางตำรวจกำลังตามหาหญิงสาวที่อยู่กับสมสุขก่อนตาย ซึ่งคาดว่าจะเป็นนกต่อให้มือปืนเข้ามาฆาตกรรมสมสุข พระเจ้า !!! ไผ่พญาถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ ทำไมเธอถึงได้ซวยขนาดนี้ ไผ่พญาคิดสะระตะแล้ว เธออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้เด็ดขาดจึงได้รีบกลับไปบอกลำไยให้ย้ายที่อยู่ แต่ลำไยไม่ยอมเพราะถ้าย้ายแล้วเธอจะเข้าบ่อนที่ไหน ไผ่พญาไม่อยากทิ้งลำไยเอาไว้คนเดียว ระหว่างนั้นขิงกับกระดังงามาหาไผ่พญาแล้วเล่าเรื่องพายัพอาละวาดจนที่ทำงานพังยับ ทั้ง 2 คาดคั้นไผ่พญาว่าไปทำอะไร พายัพถึงได้อยากเจอตัวไผ่พญาขนาดนี้ ไผ่พญาบอกไม่ได้เพราะไม่อยากให้เพื่อนเดือดร้อน ไผ่พญาจึงตัดสินใจจะไปจากที่นี่ซักพักให้เรื่องเงียบก่อน ก่อนที่ไผ่พญาจะฝากฝังลำไยให้กับเพื่อนรักทั้ง 2 ช่วยดูแล วันรุ่งขึ้นไผ่พญารีบขึ้นรถทัวร์หวังจะไปให้ไกลที่สุด เป้าหมายของเธอ คือ ภูเก็ตเพราะเธอคิดจะหางานทำพร้อมกับหลบซ่อนตัวไปพลางๆ แต่แค่นครปฐม ไผ่พญาก็ต้องเจอกับตำรวจที่ตั้งด่านตรวจซะแล้ว ไผ่พญารีบหาทางเอาตัวรอดทันที ไวเท่าความคิด ไผ่พญารีบคว้ากระเป๋าจะลงจากรถ แต่ก็ไม่ทัน เมื่อไผ่พญาได้พบกับ ชาติกล้า...( อัศนัย เทียนทอง) สารวัตรมือปราบที่เรียกไผ่พญาเอาไว้ ไผ่พญาหน้าซีดเพราะถ้าตรวจกระเป๋า จะต้องรู้แน่ๆ ว่าเธอคือใคร แต่แล้วไผ่พญาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าในกระเป๋าของเธอมีแต่หนังสือต่างๆ พร้อมกับจดหมายแนะนำตัวว่าตัวเองเป็นครู ระหว่างนั้นตำรวจที่ตรวจค้นบนรถรีบเข้ามาแจ้งว่าพบหญิงสาวผู้ต้องสงสัยแล้ว ไผ่พญาหันไปก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงที่นั่งข้างๆ เธอ ในมือมีกระเป๋าที่เหมือนของเธอ ใช่แล้ว ! เพราะกระเป๋าของเธอกับกระเป๋าของผู้หญิงคนนั้นดันเหมือนกัน จึงทำให้ไผ่พญารอดพ้นจากการจับกุมของชาติกล้ามาได้อย่างหวุดหวิด ไผ่พญาดูจดหมายแนะนำตัวก็ได้รู้ว่าคุณครูที่โดนจับแทนเธอไปนั้นกำลังจะไปที่ฟาร์มสุข แล้วสมองอันฉลาดแกมโกงของไผ่พญาก็ทำงานทันที เพราะถ้าเธอเนียนเป็นครูแล้วหลบอยู่ในฟาร์มสุขไปเรื่อยๆ ก็ดีเหมือนกัน แล้วนั่นไผ่พญาจึงได้มุ่งหน้าไปสู่ฟาร์มสุขทันที แต่ยังไม่ถึงที่ฟาร์มสุข ไผ่พญาก็มีปัญหาซะแล้ว เมื่อเจ้ารถสองแถวดันเสียกลางทางทำให้เธอต้องลงเดินเท้า แต่ก็เหมือนมีรุกขเทวดาได้ส่ง ตะวันฉาย...(พูลภัทร อัตถปัญญาพล) ปศุสัตว์อำเภอหนุ่มรูปงามเข้ามาช่วย ไผ่พญาดีใจเมื่อรู้ว่าตะวันฉายกำลังจะไปที่ฟาร์มสุขพอดี เธอจึงได้ขออาศัยติดรถตะวันฉายไปด้วย โดยไม่รู้เลยว่าระยะทางและระยะเวลาจากกลางทางถึงฟาร์มสุข ได้ทำให้ตะวันฉายประทับใจในตัวของไผ่พญาจนกลายเป็นรักแรกพบของชายหนุ่มก็ว่าได้ เมื่อมาถึงฟาร์มสุข ไผ่พญาก็ต้องอึ้งไปเพราะฟาร์มสุขที่ทำให้เธอคิดภาพเหมือนกับสวรรค์ แต่ที่จริงแล้วมันคือฟาร์มเลี้ยงหมูที่มีกลิ่นขี้หมูลอยอบอวลนั่นเอง ไผ่พญาตัดสินใจใหม่ว่าเธอคงอยู่ดมกลิ่นขี้หมูนี่ทุกวันไม่ได้แน่ จึงได้ค่อยๆ ย่องออกมา แต่แล้วไผ่พญาก็ได้พบกับชายคนหนึ่งกำลังทำลับๆ ล่อๆ อยู่ ก่อนจะร้องโวยวายทำให้คนภายในฟาร์มสุขต่างตกใจ แต่แล้วสิ่งที่ไผ่พญาคิดว่าตัวเองต้องได้รับความดีความชอบก็กลับตาลปัตร เมื่อชายคนที่เธอเพิ่งเอาไม้ฟาดหัวไปนั่นคือ ภูวนัย...(ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์) ผู้ที่ว่าจ้างเธอนั่นเอง และทำให้ เผ่าพงศ์ ...(กฤตย์ อัทธเสรี) ผู้เป็นพ่อที่มีอาการอัลไซเมอร์หัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจ ยังดีที่ ปลายฟ้า...(กรรณาภรณ์ พวงทอง) หมอสาวแสนสวยประจำตัวเผ่าพงศ์อยู่ด้วย จึงช่วยปฐมพยาบาลภูวนัย ส่วน พรรษา...(ไปรมา รัชตะ) แม่บ้านประจำตระกูลกลับไม่พอใจทันที ยิ่งมารู้ว่าไผ่พญา คือ ครูคนใหม่ที่จะมาสอนกริยามารยาทให้กับเด็กๆ ก็ยิ่งทำให้พรรษากลัวว่าจะยิ่งทำให้เด็กๆ ห่างจากความรู้มากขึ้นไปอีก ไผ่พญาที่ชอบเอาชนะคนอยู่แล้วจึงได้ท้าพนันกับภูวนัยว่า ถ้าหากเธอไม่สามารถสอนเด็กๆ ได้ เธอยินดีที่จะจ่ายเงินคืนให้เป็น 2 เท่า ที่ไผ่พญาพูดออกไปอย่างนั้นเพราะเธอไม่ชอบสายตาและความไว้ตัวที่ออกไปทางหยิ่งของภูวนัยนั่นเอง เสกสรร ...(ถนอม สามโทน) เจ้าของรีสอร์ทที่อยู่ข้างๆ ฟาร์มสุขของภูวนัย เสกสรรเป็นไม้เบื่อไม้เมากับภูวนัยมาตลอด เพราะกลิ่นขี้หมูที่ลอยมาจากฟาร์มของภูวนัย ทำให้ไม่มีแขกเข้ามาพักที่รีสอร์ทของเสกสรร เสกสรรจึงได้พยายามหาทางที่จะฮุบหรือไม่ก็เอาไอ้ฟาร์มหมูออกไปให้ได้ ไผ่พญาอยากจะตบปากตัวเองซักสองสามฉาดที่ดันไปท้าพนันกับภูวนัยเอาไว้ เพราะเพียงวันแรกที่เธอได้พบเด็กๆ เพราะดูแล้วท่าทางแสบกันทุกคน ม่านหมอก...(อังคณา วรรัตนชัย) พี่สาวคนโตวัย 15 ขวบนั้นราวกับถอดแบบมาจากนักร้องดังเมืองปลาดิบ ม่านเมฆ...(ชินพรรธน์ กิตติชัยวรางค์กูร) น้องชายคนเล็กวัย 10 ขวบ แสนซนและคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ 2 พี่น้องสุดป่วนก็เล่นงานไผ่พญาเข้าให้เพียงแค่วันแรกที่เจอแต่ไผ่พญาก็หาได้ยอมแพ้ จะให้ยอมได้ยังไงก็ในเมื่อพนันกับภูวนัยไปแล้วนี่ ไผ่พญาคิดหาวิธีการรับมือต่างๆ นานา รวมถึงการสอนแบบคุณครูจำแลง ไผ่พญาจึงได้นำเด็กๆ ไปที่เล้าหมู ที่นั่นทำให้เธอได้พบกับ ผจญ...(ชวนภ โพธิ์ประเสริฐ) หนุ่มชาวอีสานบ้านเฮา ที่มาลงหลักปักฐานที่นี่ เพราะความหลงใหลในกลิ่นขี้หมู แก้วใจ...สาวชาวใต้ผู้แสนจะเรียบร้อย และคนงานอีกจำนวนนึง ทุกคนล้วนแต่เป็นคนร่าเริงสนุกสนานพูดจาเป็นมิตร จะมีก็แต่ พรรณราย...(สิริลภัส กองตระการ) ลูกสาวสุดรักสุดหวงของเสกสรร ผู้มีใจให้กับภูวนัยอย่างเต็มที่แม้ว่าจะถูกเสกสรรสั่งห้ามยุ่งเกี่ยว แต่เรื่องหัวใจมันห้ามกันได้ยังไง พรรณรายมักจะไปมาหาสู่ เรียกว่าเข้ามาจีบภูวนัยที่ฟาร์มสุขแทบทุกวัน นั่นเองจึงทำให้พรรณรายได้พบไผ่พญา พรรณรายวางท่ารังเกียจไผ่พญาตั้งแต่แรกเห็น จะว่าไปไม่ใช่ไผ่พญาหรอกที่เป็นคนแรกที่พรรณรายตั้งท่ารังเกียจรังงอนใส่ แต่พรรณรายจะปฏิบัติตัวเป็นปรปักษ์กับผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้ภูวนัย เพราะเธอถือคติว่ากันไว้ดีกว่าแก้ เพราะรักแท้มักแพ้ระยะทาง ภูวนัยถูกพักราชการเนื่องจากทำงานผิดพลาดหลายครั้ง ทำให้ไผ่พญาได้เจอภูวนัยที่ฟาร์มบ่อยขึ้น ไผ่พญารู้สึกประทับใจในความคิดของภูวนัยที่เอาหมูออกมาเลี้ยงในทุ่งโล่งเหมือนวัว และความสวยงามของฟาร์มที่เหมือนรีสอร์ตเลยทีเดียว แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าความสวยนั้นกลับปราศจากความมีชีวิตชีวา จนเธอพาลนึกไปถึงภูวนัยที่หน้านิ่งเป็นหินไร้ความรู้สึกตลอดเวลา ไผ่พญาแอบติดต่อกลับไปหาขิงและกระดังงาเพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของผู้เป็นแม่ ทั้ง 2 พยายามถามหาที่อยู่ของไผ่พญา แต่ไผ่พญาไม่บอกเพราะเธอไม่รู้ว่าจะอยู่ที่นี่ไปได้อีกนานแค่ไหน ทันทีที่ไผ่พญาวางสาย จึงได้เห็นว่าพายัพกับลูกน้องกำลังจับตัวขิงและกระดังงาเอาไว้เพื่อรีดความลับจากไผ่พญา ไผ่พญาต้องทนอยู่กับคนหน้ายักษ์ (ภูวนัย) ไปจนกว่าเรื่องจะเงียบลง การปฏิบัติหน้าที่ครูจำเป็นจึงได้เริ่มขึ้น ครั้งนี้ไผ่พญาตั้งรับสถานการณ์ได้ดี แม้ว่าเด็กๆ จะพยศกับเธอแค่ไหน ไผ่พญาเริ่มจับความชอบของเด็กๆ แต่ละคน แล้วไผ่พญาก็ได้มารู้ว่าม่านหมอกนั้นแอบชอบตะวันฉาย เมื่อไผ่พญาจับจุดของม่านหมอกได้ ทำให้ไผ่พญาเปลี่ยนจากครูสอนหนังสือเป็นการสอนจริตหญิงเพื่อให้ผู้ชายชอบ โดยไม่รู้เลยว่าผจญหนุ่มคนงานเองก็แอบชอบม่านหมอกเช่นกัน ขณะเดียวกันไผ่พญาก็ต้องตกใจเมื่อได้พบชาติกล้ามาปรากฏตัวที่ฟาร์มสุข ชาติกล้าสงสัยในอาการลุกลี้ลุกลนของไผ่พญา ไผ่พญากำลังตกที่นั่งลำบาก แต่แล้วปลายฟ้าก็ปรากฏตัวขึ้นช่วยเธอเอาไว้ เพียงแค่ชาติกล้าพบปลายฟ้า อาการของชาติกล้าก็เปลี่ยนไปทันที ไผ่พญามองชาติกล้ากับปลายฟ้าปราดเดียวก็รู้ว่าชาติกล้านั่นชอบปลายฟ้าอยู่ แต่แท้ที่จริงแล้วปลายฟ้าแอบชอบภูวนัยมาตั้งแต่เด็ก โดยที่เธอ ชาติกล้า และภูวนัยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเล็กนั่นเอง จนกระทั่งภูวนัยได้พบรักกับเหมือนฝัน และทั้ง 2 ทำท่าจะแต่งงานกัน แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่และทำให้เหมือนฝันจากไปอย่างไม่วันกลับ ภูวนัยเปลี่ยนไปตั้งแต่นั้น ปลายฟ้ารู้ดีว่าภูวนัยยังจดจำความรักครั้งนั้นอยู่ เช่นเดียวกับปลายฟ้าที่เธอเองก็ยังคงความรู้สึกนั่นอยู่เช่นเดิม ชาติกล้าเองก็ได้แต่เก็บความรู้สึกของตัวเองที่แอบชอบปลายฟ้าเอาไว้เช่นกัน หลังจากภูวนัยถูกพักราชการ ชาติกล้าก็ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าหน่วยแทนภูวนัย แม้จะอยู่ที่ฟาร์ม แต่ภูวนัยก็ติดตามข่าวของพายัพที่ขึ้นมามีอิทธิพลแทนที่สมสุขที่ตายไปโดยตลอด ภูวนัยไม่เห็นด้วยกับชาติกล้าที่แถลงข่าวว่าในหน่วยมีหนอนบ่อนไส้ และคนๆ นั้นคือ พ.ต.อ. มารุต (นึกคิด บุญทอง) ซึ่งเป็นหัวหน้าของทั้ง 2 คน ภูวนัยตัดสินใจเข้ากรุงเทพแล้วขอคุยกับชาติกล้าว่าตนเองจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของมารุตให้ได้ เมื่อชาติกล้าไม่สามารถหยุดภูวนัยได้ จึงตัดสินใจเปิดเผยว่า ตัวเขาเองต่างหาก คือ หนอนบ่อนไส้คนนั้น ภูวนัยและชาติกล้ายิงต่อสู้กัน ภูวนัยพลาดท่าถูกยิงตกน้ำไป คืนนั้น...หลังจากที่ภูวนัยถูกชาติกล้ายิงตกน้ำแล้ว ภูวนัยรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ เพราะได้พลเมืองดีช่วยเอาไว้ ไผ่ตกใจเมื่อเห็นข่าวว่าภูวนัยถูกยิง รีบเดินทางไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล แล้วก็ได้พบว่าภูวนัยที่ยังไม่ได้สติกำลังตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้ไผ่พญาคิดออกอย่างเดียวว่าคนที่จะช่วยภูวนัยที่กำลังบาดเจ็บสาหัสได้ คือ ตัวเธอเองเท่านั้น เมื่อชาติกล้ารู้ว่ายังกำจัดภูวนัยไม่ได้ จึงต้องรีบให้ข่าวว่าภูวนัยเป็นตำรวจเลว ร่วมแก๊งกับพายัพเพื่อค้ายาเสพติด ไปจนถึงการตายของมารุตที่ชาติกล้าก็โยนความผิดว่าเป็นฝีมือของภูวนัย หลังจากภูวนัยเริ่มรู้สึกตัว สิ่งแรกที่ภูวนัยนึกได้ นั่นคือ การแก้แค้นชาติกล้า แต่เพราะสภาพร่างกายของเขายังไม่พร้อมทำให้ภูวนัยต้องพักรักษาตัวโดยมีไผ่พญาคอยดูแล ด้วยความใกล้ชิดทำให้ภูวนัยกับไผ่พญาเริ่มมีใจให้กัน ไผ่พญาแปลกใจที่ภูวนัยลืมความรักที่เขามีให้กับเหมือนฝันแล้วเหรอ ภูวนัยจึงเล่าความจริงให้ไผ่พญาฟังว่าชาติกล้าบอกความจริงกับเขาก่อนที่ชาติกล้าจะยิงเขา ว่าเหมือนฝันเป็นลูกสาวของเสี่ยเกี๊ยะ...พ่อค้ายารายใหญ่จากภาคอีสาน ถูกส่งมาให้ประกบความเคลื่อนไหวของภูวนัยเพื่อประโยชน์ในการส่งข่าวให้กับผู้เป็นพ่อ จนกระทั่งเสี่ยเกี๊ยะเกิดการหักหลังกับสมสุข สมสุขจึงให้ชาติกล้าไปฆ่าเหมือนฝันเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู ไผ่พญารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของภูวนัยที่โดนแม้กระทั่งคนรักหักหลัง ภูวนัยเป็นห่วงทุกคนที่ฟาร์มสุข แต่ขณะนี้เขากำลังกลายเป็นผู้ต้องสงสัย ไผ่พญาจึงอาสากลับไปส่งข่าวที่ฟาร์มให้ พรรณรายเริ่มปะติดปะต่อได้ว่า ไผ่พญาปลอมตัวมาเป็นครู และกำลังจะแฉเรื่องของไผ่พญาว่าเป็นครูกำมะลอ จากหลักฐานที่เธอได้มานั่นเอง แต่มีหรือที่ไผ่พญาจะไม่รู้ทัน ไผ่พญาจึงจากมาก่อนที่พรรณรายจะเปิดโปงเธอ แต่ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ภูวนัยรู้ความจริงว่าไผ่พญาเป็นใคร เขาโกรธไผ่พญาที่หลอกลวงเขาเหมือนคนอื่น แม้ว่าไผ่พญาพยายามจะบอกกับภูวนัยหลายทีแต่ก็ไม่มีโอกาส ภูวนัยจากมาด้วยความเสียใจ แต่สิ่งที่เขาต้องทำก่อนก็คือการแก้แค้นชาติกล้าและพายัพ ซึ่งตอนนี้ความเหิมเกริมของพายัพสร้างความไม่พอใจให้กับแม่เลี้ยงรัญญา ...(ศิริพิชญ์ วิมลโนช) เจ้าแม่ผู้คุมเรื่องผิดกฎหมายทางภาคเหนือ / เสี่ยแคน ...(ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) ผู้มากอิทธิพลทางภาคอีสาน / กำนันเต่า ...(วีระชัย หัตถ์โกวิท) ผู้คุมธุรกิจทางด้านตะวันตกทั้งหมด / นายหัวคึก ...(พิพัฒน์พล โกมารทัต) ผู้เป็นใหญ่ในภาคใต้ / ส่วนผู้ที่เคยคุมเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลก็คือสมสุขนั่นเอง ทั้ง 5 คนคือ ผู้คุมธุรกิจสีดำของประเทศไทยทั้งหมดโดยแบ่งการปกครองเป็นภาค และไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เพราะทั้งอำนาจและเงินทอง ทั้ง 5 คนต่างก็ไม่มีใครยิ่งหย่อนไปกว่าใคร จนกระทั่งพายัพเด็ดหัวสมสุขแล้วขึ้นเป็นใหญ่แทน พายัพก็เริ่มคิดการใหญ่ พายัพเปิดโต๊ะคุยกับ 4 ผู้ยิ่งใหญ่ถึงผลประโยชน์ว่าเขาต้องการจะขอส่วนแบ่งเพิ่ม เมื่อโดนลูบคม บรรดาเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ยิ่งใหญ่ต่างก็พากันหัวเสีย ยกเว้นก็แต่นายหัวคึกที่ไม่ขวางทางน้ำที่กำลังเชี่ยวพร้อมกับ ล็อบบี้แม่เลี้ยงรัญญา เสี่ยแคนและกำนันเต่าให้เห็นด้วย แล้วนั่นเองพายัพเริ่มพาตัวขึ้นสู่จุดที่ตอนนี้แม้แต่เทวดาก็ห้ามไม่อยู่ พายัพกระจายยาเสพติดมากขึ้น เริ่มแผ่อิทธิพลมากขึ้นจนสังคมเริ่มกลายเป็นสังคมแห่งอาชญากรรม ภูวนัยวางแผนลอบสังหารชาติกล้ากับพายัพ แต่เพราะตอนนี้ความแข็งแกร่งของพายัพและชาติกล้านั่นเกินกำลังของภูวนัย ทำให้ภูวนัยพลาดท่าอีกครั้ง ยังดีที่คราวนี้ภูวนัยได้รับการช่วยเหลือจากชายลึกลับคนนึงที่มาช่วยภูวนัยได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่ภูวนัยจะมารู้ทีหลังว่าเขาคือ พลตำรวจตรีอภิวัฒน์...(จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร) นายตำรวจผู้รักชาติเป็นที่สุด แล้วยังเป็นหัวหน้าของมารุตโดยตรง อภิวัฒน์เล่าให้ภูวนัยฟังถึงภารกิจและหน้าที่ของเขาว่า ตอนนี้บ้านเมืองกำลังแหลกเหลวเพราะยาเสพติดและสิ่งชั่วๆ มารุตได้รับมอบหมายให้ดึงภูวนัยมาร่วมงานแต่เสียดายที่พวกมันรู้ตัวเสียก่อนทำให้มารุตต้องตายไป อภิวัฒน์พร้อมหนุนสิ่งที่ภูวนัยต้องการทำเพราะมันคือการกำจัดคนชั่วเพื่อให้สังคมไทยกลับมาอยู่อย่างสงบอีกครั้ง ภูวนัยบอกกับอภิวัฒน์ว่าตอนนี้เราจะเอากำลังที่ไหนเพราะพายัพและ 4 เสือต่างก็มีอำนาจมากเหลือเกิน อภิวัฒน์จึงบอกภูวนัยว่ามีผู้ช่วยคนสำคัญที่จะมาช่วยภูวนัยนั่นก็คือ สมสุข นั่นเอง ภูวนัยตกใจเมื่อเห็นสมสุขปรากฏตัวอีกครั้ง ภูวนัยปฏิเสธที่จะร่วมมือกับโจร อภิวัฒน์จึงบอกว่าการจะจับโจรต้องใช้โจรจับ สมสุขเองก็อาสาช่วยทุกอย่างเพราะเขาอยากเห็นสิ่งเดียวคือความย่อยยับของ ชาติกล้าและพายัพนั่นเอง ภูวนัยเริ่มแผนการให้เสือกัดกันเองโดยการใส่ร้ายให้พวก 4 เสือเข้าใจผิดกันเอง สถานการณ์เริ่มบานปลายเพราะต่างก็ไม่มีใครยอมใคร พายัพเองก็หัวเสียที่อนาคตที่กำลังจะรุ่งกลับต้องวุ่นวาย แล้วพายัพก็เริ่มสงสัยว่าต้องมีคนวางแผนทำอย่างนี้ จนกระทั่งพายัพสืบรู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของภูวนัย พายัพอาศัยวิธีที่โหดเหี้ยม นั่นก็คือการฆ่าเผ่าพงศ์ พายัพคิดว่าถ้าเผ่าพงศ์ตายภูวนัยย่อมต้องมางานศพของผู้เป็นพ่ออย่างแน่นอน แล้วก็จริงอย่างที่พายัพคิด ภูวนัยแอบมางานศพของเผ่าพงศ์ด้วยความเคียดแค้นที่สุด ชาติกล้าเองเพื่อต้องการกำจัดเสี้ยมหนามอย่างภูวนัยให้หมดไป จึงจับม่านเมฆกับม่านหมอกเป็นตัวประกัน ภูวนัยจะไม่ยอมให้ใครต้องตายเพราะเขาอีกจึงรีบไปช่วยหลานทั้ง 2 คน ขณะที่ภูวนัยกำลังจะพลาดท่าถูกพายัพเก็บ ไผ่พญา สมสุข และอภิวัฒน์ ก็มาช่วยไว้ได้ทัน ภูวนัยนำข้อมูลลับทั้งหมดออกมาเปิดโปง โดยมีสมสุขเป็นพยานมัดผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ตำรวจ นักการเมือง ข้าราชการชั่วทั้งหลายแหล่ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับอำนาจมืดทั้งหลาย ภูวนัยได้รับเหรียญกล้าหาญที่นำความสงบสุขและชื่อเสียงของตำรวจกลับมาอีกครั้ง ส่วนบทสรุปของความรักหลายเส้าจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามได้ใน “คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ” ทุกวันพุธ และพฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี นำแสดงโดย: 1. ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ รับบท ภูวนัย 2. ไปรยา สวนดอกไม้ รับบท ไผ่พญา 3. พูลภัทร อัตถปัญญาพล รับบท ตะวันฉาย 4. กรรณาภรณ์ พวงทอง รับบท ปลายฟ้า 5. อัศนัย เทียนทอง รับบท ชาติกล้า 6. สาริน บางยี่ขัน รับบท พายัพ 7. ถนอม สามโทน รับบท เสกสรร 8. ไปรมา รัชตะ รับบท พรรษา 9. สิริลภัส กองตระการ รับบท พรรณราย / พั้น 10. อังคณา วรรัตนชัย รับบท ม่านหมอก 11. ชวนภ โพธิ์ประเสริฐ รับบท ผจญ 12. กฤตย์ อัทธเสรี รับบท เผ่าพงศ์ 13. ณหทัย พิจิตตรา รับบท ลำไย 14. ทศพร รถกิจ รับบท ขิง 15. คีตภัทร อันติมานนท์ รับบท กระดังงา 16. โอริเวอร์ บีเวอร์ รับบท สมสุข 17. มาริสา อานิต้า รับบท โสภี 18. ชินพรรธน์ กิตติชัยวรางค์กูร รับบท ม่านเมฆ 19. นึกคิด บุญทอง รับบท พ.ต.อ.มารุต 20. ศิริพิชญ์ วิมลโนช รับบท แม่เลี้ยงรัญญา 21. ศตวรรษ ดุลยวิจิตร รับบท เสี่ยแคน 22. วีระชัย หัตถ์โกวิท รับบท กำนันเต่า 23. พิพัฒน์พล โกมารทัต รับบท นายหัวคึก 24. จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร รับบท พล.ต.ต.อภิวัฒน์ ผู้ประพันธ์: เล่าเต็ง บทโทรทัศน์: อภิวัฒน์ เล่าสกุล ผู้กำกับ: ผู้ผลิต: บริษัท กำกับการดี จำกัด