“ต้วนอวี่เฉิง” นักกรีฑาตัวเต็งของโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งมุ่งมั่นที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยหนานหูเพื่อที่จะเข้ารับการฝึกสอนในทีมกรีฑาหนานหู แทนที่จะเป็นมหาวิทยาลัยกีฬาเพียงเพราะเขาต้องการรับคำชี้แนะจากโค้ชสาวท่านหนึ่ง “หลัวน่า” อันเนื่องมาจากเมื่อครั้งมีการแข่งกีฬาประจำโรงเรียนก่อนจบการศึกษาในขณะที่เขากำลังทำการแข่งขันกระโดดสูงอยู่นั้น มีหญิงสาวสวยคนหนึ่งติติงวิธีการก้าววิ่งก่อนที่เขาจะเทคตัวลอยข้ามบาร์ไปว่า “4 ก้าวสุดท้ายของนายมันช้าเกินไป” เมื่อเขาได้รับฟังเช่นนั้นจึงได้ปรับปรุงวิธีการอย่างเช่นที่เธอแนะ และผลก็ออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้น “ต้วนอวี่เฉิง” จึงรับรู้ได้ทันทีว่าเธอคนนี้มีสายตาที่เฉียบแหลมมองเห็นข้อผิดพลาดอย่างทะลุปรุโปร่งในเสี้ยววินาที “อวี่เฉิง” จึงมุ่งมั่นที่จะเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยหนานหู ที่ที่เธอคนนี้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยโค้ชอยู่ ต่อมาเขาสอบเข้าหนานหูได้สำเร็จอย่างที่คาดหวังแต่ก็ไม่อาจเข้าร่วมทีมกระโดดสูงของที่นี่ได้ เนื่องจากเขาไม่ได้รับเลือกในโควต้านักกีฬาโดยตรง เขาจึงได้ขอร้องให้ “หลัวน่า” ช่วยสอนเขาอย่างลับ ๆ ต่อจากนั้นเขาจะไปแข่งขันในงานกีฬาประจำมหาลัยเพื่อชิงตำแหน่งในทีมกรีฑามาเอง
กระทั่งวันเวลาผ่านไปเขาได้เข้าร่วมทีมมหาลัยได้สำเร็จแต่ด้วยข้อจำกัดด้านส่วนสูง เขาจึงถูกหลายสายตาดูหมิ่นดูแคลน พาลทำให้โค้ชหลัวเดือดร้อนหลายครั้ง ด้วยข้อครหาที่ว่าเขายัดเงินให้โค้ชเพื่อเอาตำแหน่งนี้มา ในที่สุดการแข่งขันประจำมณฑลก็ได้มาถึง มีเพียงโอกาสนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ว่าเขาและโค้ชของเขาไม่ได้กระทำผิดอย่างที่ใคร ๆ ตั้งข้อกล่าวหา เขามีประสิทธิภาพมากพอจะคว้าโอกาสเหล่านี้มาด้วยตัวเอง สุดท้ายเขาก็คว้ารางวัลแชมป์กระโดดสูงประจำมณฑลรวมถึงอันดับที่สองในการวิ่งทางตรงระยะสั้นมาได้สำเร็จ เขากลายเป็นความภาคภูมิใจของหลัวน่าและมหาวิทยาลัย ทว่าชื่อเสียงเพียงชั่วครู่อยู่ได้ไม่นานยิ่งเขามีชื่อเสียงมาก ก็ยิ่งจะมีผู้ท้าทายความสามารถมากขึ้นเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งนานวันได้ใกล้ชิดกับโค้ชหลัว เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าความโหยหานี้มันมากเกินกว่าแค่ลูกศิษย์มีให้อาจารย์ และการที่มีศิษย์หน้าใหม่ ๆ เข้ามาพัวพันเกาะแกะโค้ชของเขา มันยิ่งตอกย้ำอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาตกหลุมรักเธอคนนี้เข้าอย่างจัง