โทมัส ช่างภาพผู้มีอารมณ์ศิลปินอยู่เต็มเหนี่ยว ไว้ผมทรงเดอะบีเทิลส์ และเนื้อหอมสุดๆ กำลังรวบรวมผลงานของตัวเองที่ตีพิมพ์ออกมาเป็นสมุดภาพ เขาเข้าไปหลับนอนในเรือนพักคนงานเพื่อให้ได้ช่วงเวลาที่ตัวเองต้องการ วันหนึ่งหลังจากที่ทิ้งให้นางแบบยืนหลับตาอยู่ในสตูดิโอ แต่ตัวเองกลับหลบออกมายังร้านขายของเก่าเพื่อตามหาภาพทิวทัศน์ ชายหนุ่มหลุดเข้าไปในสวนเงียบสงบแห่งหนึ่ง เขาเดินถ่ายภาพไปเรื่อยๆระหว่างทาง จนกระทั่งมาพบเข้ากับชายแก่และหญิงสาวซึ่งดูเหมือนว่ากำลังพลอดรักกันอยู่ ช่างภาพหนุ่มไฟแรงเหลือไม่รอช้า เขาเดินตามและแอบถ่ายภาพคนทั้งคู่ไว้ทุกอิริยาบถ จนกระทั่งถูกจับได้ หญิงสาวนิรนามคนนั้นวิ่งมาหาเขาพร้อมทั้งขอฟิล์ม แน่ล่ะ โทมัสปฏิเสธที่จะให้ หล่อนตามเขาไปที่บ้านและทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา สุดท้ายโทมัสจึงมอบฟิล์มม้วนอื่นให้หญิงสาวไป โทมัสนำสิ่งที่เขาจับภาพไว้ได้มาล้างลงเป็นแผ่นกระดาษ ดูเผินๆเหมือนจะเป็นภาพคนรักกันธรรมดา แต่เมื่อมองให้ดีแล้ว กลับพบอะไรมากกว่านั้น เขาสามารถจับภาพฉากการฆาตกรรมไว้ได้ แม้จะไม่เห็นวินาทีที่คนๆนั้นถูกฆ่าจะๆตา แต่เขาก็เชื่อว่านั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ แอนโทนิโอนี่นำเสนอภาพของลอนดอนในช่วงเวลานั้นได้อย่างน่าสนใจ เทรนด์ต่างๆที่วัยรุ่นผู้ดีกำลังนิยมไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ทรงผม และกิจกรรมต่างๆ แต่สาระสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนั้น หากเป็นภาวะอารมณ์ของตัวละครต่างหาก ชายหนุ่มเบื่อกับสภาพรอบตัว พอเมื่อได้พบกับอะไรที่น่าตื่นเต้นน่าค้นหา เขาก็พร้อมจะเดินเข้าหาและมีความรู้สึกร่วมได้ง่ายๆ ตัวหนังได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องสั้น Las Babas del Diablo ของนักเขียนชาวอาร์เจนติน่า จูริโอ คอร์ตาซาร์ รวมไปถึงผลงานภาพถ่ายชุด Swinging London ของ เดวิด ไบเลย์ โดยได้นักแสดงอย่าง เดวิด เฮมมิ่ง มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง ซึ่งพอหนังออกฉาย ภาพลักษณ์ของนักแสดงหนุ่มในเรื่องก็กลายมาเป็นไอดอลสำคัญให้คนในยุคสมัยได้เดินตาม วิธีการเดินเรื่องยังส่งอิทธิพลต่อเนื่องมายังงานของผู้กำกับยุคหลังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Blow Out ของไบรอัน เดอร์ พัลม่า หรือ จะเป็น The Conversation ของฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า ในตอนท้ายของหนังเมื่อโทมัสกลับไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อถ่ายภาพศพ แต่ชายหนุ่มกลับพบเพียงความว่างเปล่า หลังจากนั้นเขาก็เดินออกมาจากสวนมาพบเข้ากับกลุ่มละครใบ้ กลุ่มเดิมที่เขาพบตอนเริ่มเรื่อง กลุ่มคนหน้าขาวเล่นเทนนิสกันอย่างสนุกสนาน แม้เราจะมองไม่เห็นว่ามีไม้และลูก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีตัวตนอยู่ ณ ที่แห่งนั้นจริงๆ เช่นกัน กับฉากฆาตกรรมที่โทมัสมองเห็นผ่านภาพถ่าย ที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เคยมีอยู่จริงเลยก็ได้ ทั้งนี้เพราะคนเราล้วนเลือกมองในสิ่งที่ตัวเองอยากเห็นเท่านั้น ไม่ใช่หรือ