กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มขยันขันแข็งน้ำใจงามผู้หนึ่งชื่อ หนิวหลาง (หนุ่มเลี้ยงวัว) เขาและวัวแก่ตัวหนึ่งอยู่ด้วยกัน โดยพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน อยู่มาวันหนึ่ง ฉับพลัน เจ้าวัวแก่ก็พูดภาษามนุษย์ขึ้นมา มันบอกหนิวหลางว่า ตัวมันกำลังจะตายแล้ว ขอให้หนิวหลางอย่าเสียใจ อีกทั้งยังบอกให้หนิวหลาง จะต้องเก็บรักษาหนังของมันไว้ ใช้หนังผืนนี้จะสามารถเหาะขึ้นไปบนสวรรค์ได้ เจ้าวัวแก่กังวลใจมากว่า หลังจากที่ตัวมันตายแล้ว หนิวหลางจะต้องเหงามากๆ ดังนั้น จึงบอกหนิวหลาง ณ วันหนึ่ง ให้ไปเอาเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่ริมทะเลสาป ก็แบบนี้ล่ะ หนิวหลางจึงได้รู้จักกับเจ้าของเสื้อผ้าชุดนั้น – สาวทอผ้า สาวทอผ้า เป็นธิดาของเจ้าแม่หวังหมู่บนสวรรค์ แอบหนีลงมาอาบน้ำในทะเลสาบ ไม่คิดว่าจะได้พบกับหนิวหลาง จากนั้น พวกเขาก็รักกัน แต่งงานกัน ต่อมาก็ยังได้มี บุตรธิดาที่น่ารักฉลาดเฉลียวคู่หนึ่ง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง อยู่มาวันหนึ่ง พลันก็มีหญิงชรานางหนึ่งมาที่บ้านของหนิวหลาง นางก็คือเจ้าแม่ หวังหมู่ แท้ที่จริงแล้ว หลังจากเจ้าแม่หวังหมู่ทราบว่าสาวทอผ้ามาแต่งงานกับมนุษย์โดยพลการ ก็โกรธมาก ดังนั้น จึงต้องการพาสาวทอผ้ากลับขึ้นไปบนสวรรค์ หนิวหลางมองเห็นพวกนางเหาะขึ้นไปบนสวรรค์ ยิ่งสูงยิ่งไกลขึ้นเรื่อยๆ ก็ร้อนใจยิ่งนัก พลันก็นึกถึงหนังวัวผืนนั้นขึ้นได้ ดังนั้น จึงพาเอาบุตรธิดาขึ้นไปบนแผ่นหนัง เหาะตามสาวทอผ้าขึ้นไป เจ้าแม่หวังหมู่มองเห็นว่าจะตามมาทันแล้ว จึงได้ดึงปิ่นทองบนศีรษะออกมาตวัดลงไปหนึ่งครั้ง ก็ปรากฏเป็นทางช้างเผือกสายหนึ่ง ขวางกั้นหนิวหลางไว้ นับแต่นั้น หนิวหลางและสาวทอผ้าก็แยกจากกันโดยทางช้างเผือก ได้แต่เฝ้ามองหากันและกัน ต่อมาภายหลัง ที่สุดแล้วเจ้าแม่หวังหมู่ ก็ยอมรับปากให้เขาทั้งสองได้ข้ามสะพานที่ฝูงนกกางเขนบินมาเรียงกัน พบกันพร้อมหน้าพร้อมตาได้หนึ่งครั้ง ในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี