อำพล (ยุทธพิชัย ชาญเลขา) และ อรดี (กมลชนก เขมะโยธิน) เป็นพ่อแม่ที่รักลูกมาก ลูก 3 คนคือ อรุณฉาย (แพรวา ณิชาภัทร) ลูกสาววัยสิบเจ็ด, อโณทัย (ด.ช.ธนพัชญ์ จันทศร ) 5 ขวบ และ อุษาแสง 3 ขวบ สองสามีภรรยาต้องทำงานนอกบ้านเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง เนื่องจากไม่ได้มีฐานะร่ำรวย จึงให้ บัว (ดลยา รัตนธาดา) ญาติห่าง ๆ มาช่วยเลี้ยง นอกจากนี้ คุณยายเอื้อน (เดือนเต็ม สาลิตุล) มารดาของอรดีก็ยังเป็นหูเป็นตาให้ ส่วนอุษาแสงนั้นก็มี อำภา (อําภา ภูษิต) พี่สาวของอำพลที่เป็นเศรษฐีนีรับไปดูแล พอช่วยแบ่งเบาภาระลงไปได้บ้าง วันที่เกิดเรื่องไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากอรุณฉายที่ดูหนังสือเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอไม่ค่อยสบายจากการไปเล่นน้ำตกกับเพื่อน ๆ เมื่อวันก่อน จึงหน้ามืดหมดสติล้มลง อำพลกลับมาพบพอดีจึงอุ้มลูกสาวขึ้นไปนอนบนเตียง เมื่ออรดีกลับบ้านค่ำวันนั้น เธอขึ้นไปหาลูกบนห้องพบว่าอรุณฉายนั่งนิ่ง สีหน้าซีดขาวเหมือนรูปปั้น จนอรดีใจหาย ด้วยแรงสังหรณ์ประหลาดที่วาบขึ้นมาในใจ เมื่อถามว่าเป็นอะไร อรุณฉายตอบด้วยเสียงที่อรดีไม่มีวันลืมถึงความเจ็บล้ำลึกในน้ำเสียงสั่นสะท้านนั้นว่า พ่อข่มขืนหนู อรดีไปแจ้งความ ตำรวจมาจับอำพล คดีดำเนินไปตามกฎหมาย อำพลติดคุก อรดีไปขอตัวอุษาแสงคืนจากอำภา แต่อำภากลับพาอุษาแสงหนีไปต่างประเทศ อรดีจนปัญญาที่จะตาม เธอขายข้าวของที่มีพาแม่และลูกอีกสองคนเดินทางออกจากจังหวัดไป อย่างไม่มีวันหันหลังกลับไปอีก กรุงเทพมหานคร ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งในซอยที่เงียบสงบ สี่ชีวิตย้ายเข้ามาอย่างเงียบ ๆ สิ่งแรกที่อรดีทำคือเปลี่ยนนามสกุลและหางานทำ คุณยายเอื้อนเสนอตัวเป็นแม่ครัวทำกับข้าวขาย โดยเปิดเพิงเล็ก ๆ หน้าบ้าน ลุงปุ๊ (มนตรี เจนอักษร) และ ป้าปุ๊ (ปิยะมาศ โมนะกุล) ที่ทำหน้าที่ดูแลบ้านเช่าหลังนี้แทนเจ้าของ มีหลานชายคนหนึ่งชื่อ นภัส (ปฐมพงษ์ เรือนใจดี) วัยเดียวกับอรุณฉาย ทั้งคู่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน นภัสแอบชอบอรุณฉายอยู่อย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ เอกภพ (ภัทร เอกแสงกุล) เพื่อนสนิทของเขาก็ชอบเธอเช่นกัน