เปาบุ้นจิ้น หัวใจคุณธรรม แม่น้ำไช่เหอท่วมทะลักเมืองคายฟง ฤดูฝนของทุกปีจึงนำมาซึ่งความสูญเสีย ปีนี้ฝนตกไม่หยุด ทำให้ทำนบกั้นน้ำพังทลายลงจนกลายเป็นอุทกภัย เรื่องที่ชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายจากอุทกภัยร้อนถึง ราชสำนัก เหยินจงฮ่องเต้ทรงกริ้วมากจึงทรงมีพระบัญชาให้ศาลคายฟงและกองควบคุมน้ำร่วมมือกันสืบหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอุทกภัย แท้ที่จริงแล้วมีพวกทุจริตอยู่ด้วยหรือไม่ ตู้ผิงคนหนุ่มที่มีความรู้ความสามารถแห่งกองควบคุมน้ำรายงานต่อเปาบุ้นจิ้นถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอุทกภัยว่าตลอดสองฟากฝั่งของแม่น้ำเต็มไปด้วยคฤหาสน์ของท่านอ๋อง,ขุนนางใหญ่ ตลอดจนคหบดีเศรษฐีซึ่งปลูกสร้างขวางทางเดินของน้ำ ทำให้น้ำไม่มีทางระบายจนล้นเอ่อเป็นเหตุให้ทำนบกั้นน้ำพังทลายลง เหยินจงฮ่องเต้ทรงกริ้วมากจึงทรงมีพระราชโองการต่อที่ประชุมขุนนางโดยให้เปาบุ้นจิ้นรับผิดชอบรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ผิดกฎหมาย ถ้าหากเจ้าของสิ่งปลูกสร้างใดไม่ยอมให้รื้อถอนให้ถือว่ามีความผิดฐานฝ่าฝืนราชโองการ เจ้าของสิ่งปลูกสร้างบางรายด้วยความไม่อยากรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างจึงพยายามใช้อิทธิพล ตลอดจนหาหนทางหลบเลี่ยงโดยใช้อำนาจและผลประโยชน์ทำแผนผังโฉนดที่ดินปลอมขึ้นมา ตู้ผิงถูกปองร้าย โชคดีที่จั่นเจาและอ้ายเวยช่วยชีวิตตู้ผิงไว้ทำให้รักษาชีวิตรอดไปได้ ในที่สุดสิ่งปลูกสร้างผิดกฎหมายก็ถูกรื้อถอนจนหมด กงซุนเช่อเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอุทกภัยไม่ได้มีเพียงเท่านี้จึงตัดสินใจสืบหาความจริงต่อไปจนพบว่าทำนบกั้นน้ำเพิ่งสร้างเสร็จ เปาบุ้นจิ้นตรวจสอบพบว่าราชสำนักได้มอบงานก่อสร้างทำนบกั้นน้ำผู้รับเหมาเอกชน ถ้าหากผู้รับเหมาเอกชนไม่คดโกง มีหรือที่จะได้รับความเสียหายมากมายถึงเพียงนี้ ฉะนั้นผู้ที่มีความผิดมากที่สุดคือหลอฉงลุงของตู้ผิงนั่นเอง หลอฉงเห็นว่าเรื่องแดงจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตนพ้นผิด ด้วยการส่งคนไปฆ่าปิดปากทุกคนที่เกี่ยวข้องโดยสร้างสถานการณ์ว่าคนเหล่านั้นฆ่าตัวตาย แต่เปาบุ้นจิ้นกลับรู้สึกว่ามีเงื่อนงำจึงสืบหาความจริงต่อไป หลอฉงเกรงว่ายากที่จะรักษาชีวิตไว้ได้จึงวิงวอนขอร้องตู้ปินพ่อของตู้ผิงช่วยออกหน้าโดยมอบอัญมณีของล้ำค่าให้เจ้าจอมผางโดยผ่านทางราชครูผาง ด้วยหวังว่าเจ้าจอมผางจะช่วยทูลเหยินจงฮ่องเต้ทรงยุติการสืบหาความจริงต่อไปของเปาบุ้นจิ้น ตู้ปินเป็นเลขานุการกองงานก่อสร้างที่เกษียณราชการแล้ว ขณะที่ตู้ปินรับราชการนั้นร่วมมือกับหลอฉงรับงานก่อสร้างจากราชสำนักได้รับผลประโยชน์มหาศาล ถงหลินเจ้าหน้าที่กองงานก่อสร้างไม่อยากร่วมทุจริต แต่ด้วยความเป็นผู้น้อยจึงอ้างเหตุสุขภาพไม่สมบูรณ์ลาออกจากราชการ ตู้ปินเกรงว่าถงหลินจะเป็นภัยในภายภาคหน้าจึงตัดสินใจฆ่าปิดปากถงหลินขณะที่เดินทางกลับบ้านเกิด แต่ด้วยมนุษยธรรมจึงให้การอุปการะลูกชายซึ่งยังแบเบาะของถงหลินเอาไว้ ซึ่งเด็กคนนี้ก็คือตู้ผิงในเวลานี้นั่นเอง เปาบุ้นจิ้นไม่เพียงพบสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ทำนบกั้นน้ำพังทลายลง ทั้งยังสามารถคลี่คลายคดีฆาตกรรมในอดีตได้อีกด้วย เหยินจงฮ่องเต้ทรงเวทนาตู้ผิงยิ่งนัก พระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้ตู้ผิงกลับไปใช้สกุลเดิม พร้อมทั้งไปดำรงตำแหน่งนายอำเภอที่บ้านเกิดของถงหลินผู้เป็นบิดา ทรัพย์สินของมีค่าทั้งหมดให้คืนสู่สกุลถง ตู้ปินจบชีวิตด้วยเครื่องประหารหัวสุนัข คดีทั้งหมดจึงคลี่คลายลงเช่นนี้.... ญี่ปุ่นประเทศเพื่อนบ้านนับตั้งแต่ราชวงศ์ถังเป็นต้นมาก็ไม่ได้มีการติดต่อเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักจีนแต่อย่างใด แต่ชาวบ้านกลับมีการไปมาหาสู่กันเป็นอย่างดี หลังจากที่พระเจ้าจักรพรรดิเหลิ่งฉวนเถลิงราชย์ก็ทรงส่งองค์หญิงจิ้งเซียงอภิเษกสมรสกับเหยินจงฮ่องเต้โดยมีเป้าหมายฟื้นฟูความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เดิมทีเหยินจงฮ่องเต้ทรงไม่มีพระราชประสงค์รับองค์หญิงจิ้งเซียงเป็นพระสนม แต่บรรดาเชื้อพระวงศ์กลับเห็นว่าหากเหยินจงฮ่องเต้ทรงปฏิเสธไม่รับองค์หญิงจิ้งเซียงเป็นพระสนมจะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญสัมพันธไมตรีอันดีของทั้งสองประเทศ เหยินจงฮ่องเต้ทรงไม่มีทางเลือกจึงทรงรับองค์หญิงจิ้งเซียงเป็นพระสนมเหอ องค์หญิงจิ้งเซียงเสด็จมายังแผ่นดินต้าซ่งพร้อมกับเย่จื่อนางกำนัลคนสนิท แม้ว่าเหยินจงฮ่องเต้ทรงรับองค์หญิงจิ้งเซียงเป็นพระสนมเหอ ทว่าพระองค์กลับทรงไม่เสด็จยังตำหนักของนางแต่อย่างใด เจ้าจอมผางเห็นพระสนมเหออ้างว้างเดียวดายจึงแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนนางเป็นประจำจนสนิทสนมกันขึ้นมา ด้วยความที่เจ้าจอมผางทนไม่ได้ที่เห็นพระสนมเหอถูกทอดทิ้งจึงทูลรบเร้าเหยินจงฮ่องเต้เสด็จหาพระสนมเหอบ้าง ในที่สุดเหยินจงฮ่องเต้ก็เสด็จหาพระสนมเหอ นึกไม่ถึงว่าทันทีที่เหยินจงฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรเห็นพระสนมเหอ พระองค์ก็ทรงหลงใหลในความงามของนางจึงเสด็จหานางเป็นประจำ ไม่นานนัก พระสนมเหอก็ตั้งครรภ์ ทำให้นางยิ่งเป็นที่ทรงโปรดของเหยินจงฮ่องเต้ ทั้งที่เจ้าจอมผางถูกเหยินจงฮ่องเต้ทรงทอดทิ้ง นางกลับไม่เคียดแค้นพระสนมเหอแม้แต่น้อย ในทางกลับกันนางยังคงไปมาหาสู่กับพระสนมเหอดังเดิม นึกไม่ถึงว่าจู่ๆพระสนมเหอก็แท้งลูกซึ่งพฤติการณ์ทั้งหมดบ่งชี้ว่าเป็นฝีมือของเจ้าจอมผาง บรรดาเชื้อพระวงศ์ต่างทูลขอให้เหยินจงฮ่องเต้ทรงเอาผิดเจ้าจอมผาง ทั้งที่เหยินจงฮ่องเต้ทรงเห็นแก่สายสัมพันธ์กับเจ้าจอมผาง แต่ก็ทรงไม่สามารถขัดความประสงค์บรรดาเชื้อพระวงศ์ ทำให้พระองค์ทรงจำต้องกักบริเวณเจ้าจอมผางไว้แต่ในตำหนัก ราชครูผางเกรงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้ตนสูญเสียอำนาจในราชสำนัก แต่ก็จนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรดี ด้วยความร้อนใจราชครูผางจึงขอความช่วยเหลือจากเปาบุ้นจิ้นสืบหาความจริงเพื่อล้างมลทินให้เจ้าจอมผาง ในเวลาเดียวกัน เหยินจงฮ่องเต้ก็ทรงมีพระบัญชาให้เปาบุ้นจิ้นสืบหาความจริงเช่นเดียวกัน อ้ายหู่ปลอมตัวเป็นนางกำนัลเข้าไปสืบหาความจริงในวังหลวง จั่นเจาใช้ฐานะขุนนางที่สามารถเข้าออกวังหลวงแอบสืบหาความจริงจนพบฐานะที่แท้จริงของพระสนมเหอ ที่แท้นางมีเป้าหมายโค่นบัลลังก์ต้าซ่ง เหยินจงฮ่องเต้ทรงล้างมลทินให้เจ้าจอมผาง ทั้งยังทรงมีพระบัญชาให้เปาบุ้นจิ้นลงโทษพระสนมเหอตามกฎหมาย ในที่สุดมรสุมก็สงบลง.... ซูมี่ย่วนเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจด้านพลาธิการทหารทั่วทั้งแผ่นดิน ตี๋ชิงมีความดีความชอบทางการศึกสงครามจนได้รับมอบหมายให้ดูแลซูมี่ย่วน ราชสำนักจัดให้มีการสอบบัณฑิตบู๊โดยมีตี๋ชิงเป็นประธานการสอบ หลิงหยุนบัณฑิตบู๊มีวรยุทธเป็นเลิศจนเป็นที่โปรดปรานของติ๋ชิง หลิงหยุนเดินทางไปที่จวนสกุลตี๋เพื่อกราบคารวะตี๋ชิง แต่กลับถูกตี๋ถิงบุตรีของตี๋ชิงขัดขวางเอาไว้โดยยืนกรานที่จะทดสอบวรยุทธหลิงหยุนให้ได้ หลิงหยุนไม่มีทางเลือกจึงต้องกำราบตี๋ถิง ตี๋ถิงไม่ยอมแพ้โดยยืนกรานที่จะประลองอีกครั้ง แต่กลับถูกตี๋ชิงห้ามไว้ ตี๋ชิงรู้สึกพอใจที่หลิงหยุนสามารถกำราบตี๋ถิงไว้ได้ ทำให้ตี๋ชิงมีความปรารถนาที่จะได้หลิงหยุนมาเป็นลูกเขย การที่ราชสำนักจัดให้มีการสอบจอหงวนบู๊นั้นเพื่อตระเตรียมไพร่พลรับมือการศึกกับชิตาน เพื่อให้ได้จอหงวนบู๊ที่อุทิศตนให้ชาติบ้านเมือง เปาบุ้นจิ้นจึงถูกเชิญเป็นรองประธานการสอบตรวจสอบประวัติและจิตใจของผู้เข้าสอบ เปาบุ้นจิ้น,กงซุนเช่อและจั่นเจาตรวจสอบพบว่าเบื้องหลังการสอบมีแผนร้ายซุกซ่อนอยู่ เย่เซินซึ่งรับผิดชอบทดสอบความสามารถทหารเป็นผู้ต้องสงสัยว่าขายชาติสมคบคิดกับชิตาน หลังจากที่ตรวจสอบความจริงอย่างละเอียดแล้วก็พบความจริงที่น่าสะพรึงกลัว ที่แท้เย่เซินก็คือเย่ลี่จงเซินอ๋องชิตานซึ่งแฝงตัวเข้ามาอยู่ในแผ่นดินต้าซ่งกว่าสามสิบปีนั่นเอง หลิงหยุนจอหงวนบู๊และจี้เหล่ยจอหงนบู๊อันดับรองล้วนแล้วแต่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขผู้กล้าชาวชิตานโดยถูกส่งตัวมายังแผ่นดินต้าซ่งตั้งแต่เล็กเพื่อให้เติบโตขึ้นมาในฐานะชาวต้าซ่ง เป้าหมายในการเข้าสอบ จอหงวนบู๊เพื่อประโยชน์ในวันหน้าเมื่อมีศึกสงครามระหว่างต้าซ่งและชิตาน ทั้งที่เปาบุ้นจิ้นสืบพบความจริงทั้งหมด แต่น่าเสียดายที่ไม่มีหลักฐาน มีเพียงอ๋องแปดเท่านั้นที่สามารถทูลเกลี้ยกล่อมเหยินจงฮ่องเต้ทรงเป็นเหยื่อล่อโดยใช้การแต่งตั้งแม่ทัพล่อให้เย่เซินและพวกลงมือและเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา หลิงหยุนได้รับภารกิจปลงพระชนม์เหยินจงฮ่องเต้ ด้วยความรักที่มีต่อตี๋ถิงทำให้หลิงหยุนเกิดความขัดแย้งในตัวเองขึ้นมา ในที่สุดจั่นเจาก็สามารถเข้าถึงจิตใจของหลิงหยุน ทำให้หลิงหยุนตัดสินใจพลีชีพเพื่อขัดขวางจี้เหล่ยปลงพระชนม์เหยินจงฮ่องเต้ ก่อนที่หลิงหยุนจะสิ้นใจ ด้วยความที่รู้สึกผิดต่อตี๋ถิง หลิงหยุนจึงเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเย่เซินออกมา เย่เซินต้องการรักษาชีวิตตนเองไว้จึงใช้ฐานะอ๋องชิตานขอให้ราชสำนักต้าซ่งส่งตนกลับชิตาน เปาบุ้นจิ้นเห็นว่าเย่เซินกระทำความผิดฆ่าคนมากมาย ทรยศขายชาติ ปลงพระชนม์ฮ่องเต้ จำเป็นต้องได้รับโทษตามกฎหมาย แม้ว่ามรสุมร้ายผ่านพ้นไปแล้ว แต่กลับทิ้งความทรงจำอันเจ็บปวดให้ตี๋ถิง ที่ผ่านมาเหยินจงฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับการเสด็จว่าราชการ แต่แล้วจู่ๆพระองค์ก็ทรงไม่เสด็จว่าราชการตามที่ทรงปฏิบัติมา อำมาตย์หวังรู้สึกผิดปกติจึงขอให้อ๋องแปดเข้าวังหลวงสืบหาความจริง ทำให้อ๋องแปดยากที่จะปฏิเสธได้ นึกไม่ถึงว่าวันรุ่งขึ้นก็นับเป็นอีกครั้งที่เหยินจงฮ่องเต้ทรงไม่เสด็จว่าราชการ อ๋องแปดและอำมาตย์หวังพากันเข้าวังหลวงจนพบความจริงว่าเหยินจงฮ่องเต้ทรงหมดพระสติซึ่งหมอหลวงกำลังถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถ อ๋องแปดกำชับกัวเสียนขันทีส่วนพระองค์ซึ่งถวายการรับใช้เหยินจงฮ่องเต้ให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่าได้แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด พร้อมทั้งขอให้อำมาตย์หวังแจ้งต่อบรรดาขุนนางว่าเหยินจงฮ่องเต้ทรงพระประชวรด้วยโรคหวัด งดว่าราชการเป็นเวลาสามวัน จากนั้นอ๋องแปดก็เดินทางไปที่ศาลคายฟงขอยืมตัวกงซุนเช่อจากเปาบุ้นจิ้นเพื่อไปถวายการรักษาเหยินจงฮ่องเต้ หลังจากที่กงซุนเช่อตรวจพระอาการเหยินจงฮ่องเต้าแล้วพบว่าพระองค์ทรงหมดพระสติไปจากการมึนเมา ไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด พระองค์ทรงฟื้นมีพระสติได้ทุกเมื่อ อ๋องแปดได้ยินเช่นนั้นจึงเบาใจ ทว่าอำมาตย์หวังกลับตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากตามธรรมเนียมจะมีคณะฑูตจากแคว้นต่างๆเข้าชมการว่าราชการของฮ่องเต้ต้าซ่ง หากเหยินจงฮ่องเต้ทรงงดว่าราชการต่อไป เกรงว่าจะทำให้บรรดาขุนนางเกิดความเคลือบแคลงสงสัยขึ้นมา โดยเฉพาะเยลี่จ่านฑูตชิตานซึ่งไม่พอใจการเสียชีวิตของเย่เซินเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้นเชื่อว่าจะต้องฉวยโอกาสที่เหยินจงฮ่องเต้ทรงฟื้นฟูพระวรกายปลุกปั่นแคว้นต่างๆก่อศึกสงครามขึ้นมาอย่างแน่นอน อ๋องแปดตระหนักดีว่าสถานการณ์วิกฤต ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเมื่อใดเหยินจงฮ่องเต้จะทรงฟื้นได้พระสติขึ้นมา กงซุนเช่อออกอุบายให้อ๋องแปดหาคนปลอมตัวเป็นเหยินจงฮ่องเต้ตบตาคณะทูตแคว้นต่างๆคลี่คลายสถานการณ์ไปพลางก่อน อ๋องแปดเห็นด้วยกับความเห็นของกงซุนเช่อ แต่ก็กำชับกงซุนเช่อให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เปาบุ้นจิ้นขัดขวาง กงซุนเช่อไม่มีทางเลือกจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งอ๋องแปด อ้ายหู่ขอร้องจิ้งจอกดำปลอมตัวเป็นเหยินจงฮ่องเต้ออกว่าราชการ สามารถตบตาขุนนางและคณะฑูตแคว้นต่างๆ ทำให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ด้วยดี ในที่สุดเหยินจงฮ่องเต้ก็ทรงฟื้นได้พระสติขึ้นมา เมื่อเปาบุ้นจิ้นรู้เรื่องที่จิ้งจอกดำปลอมตัวเป็นเหยินจงฮ่องเต้ออกว่าราชการก็โกรธมากถึงกับขับไล่กงซุนเช่อไปจากศาลคายฟงเลยทีเดียว กงซุนเช่อรู้ดีว่าทำผิดจึงอำลาทุกคนด้วยความอาลัยอาวรณ์ จากไปด้วยความโศกเศร้า อ้ายหู่ขอความเมตตาจากเปาบุ้นจิ้น แต่ก็ไร้ผล แม้แต่อ๋องแปดซึ่งออกหน้าขอความเมตตาจากเปาบุ้นจิ้นให้กงซุนเช่อ แต่ก็ไร้ผลเช่นเดียวกัน มีเพียงจั่นเจาเท่านั้นที่เข้าใจความขมขื่นของเปาบุ้นจิ้น กงซุนเช่อซัดเซพเนจรไปตามท้องถนนจนพบเห็นหญิงสาวกตัญญูขายตัวเพื่อทำศพให้พ่อ ด้วยความสงสารกงซุนเช่อจึงให้ความช่วยเหลือ กงซุนเช่อหลงกลติดกับคนร้ายโดยกินหญ้าลืมทุกข์จนหมดสติไป หลังจากที่กงซุนเช่อฟื้นได้สติขึ้นมาแล้วก็สูญเสียความทรงจำโดยจำไม่ได้ว่าตนเป็นใคร โชคดีที่เจ้าของร้านขายยาให้ความช่วยเหลือให้ที่พักพิงแก่กงซุนเช่อ ขณะที่เปาบุ้นจิ้นกำลังขมขื่นที่ต้องสูญเสียกงซุนเช่อไปนั่นเองก็ได้รับรายงานว่าจ้าวเสียงเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งใหม่เดินทางมาที่ศาลคายฟง จ้าวเสียงบอกเปาบุ้นจิ้นว่าขณะที่กงซุนเช่อไปคัดสำเนาการกระทำความผิดของเย่เซินนั่นเองได้ขโมยหลักฐานสำคัญของกองทัพไป จากนั้นจ้าวเสียงก็นำคำสั่งที่ออกโดยศาลคายฟงมาเป็นหลักฐานยืนยัน เปาบุ้นจิ้นจำนนด้วยหลักฐานจึงออกหมายจับกงซุนเช่อไปทั่วแผ่นดิน ทุกคนในศาลคายฟงไม่อยากเชื่อว่ากงซุนเช่อจะทำความผิดเช่นนี้ จั่นเจาและอ้ายหู่แยกย้ายกันออกตามหากงซุนเช่อ แต่แล้วอ้ายหู่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวกลับมา จั่นเจาถูกคนร้ายลอบโจมตีได้รับบาดเจ็บถูกคุมขังในห้องลับ ทุกคนในศาลคายฟงพากันออกตามหากงซุนเช่อ แต่ก็ไม่พบ เปาบุ้นจิ้นลงนามรับรอง กงซุนเช่อเอาไว้จึงพลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วย ทำให้เปาบุ้นจิ้นถูกปลดจากขุนนางถูกนำตัวไปคุมขัง นอกจากนี้อ้ายหู่และองครักษ์ทั้งสี่ของเปาบุ้นจิ้นก็พลอยถูกคุมขังไปด้วย ที่แท้มีคนคิดร้ายต่อศาลคายฟง ทำให้ศาลคายฟงมีสภาพเช่นนี้ ที่แท้จ้าวเสียงเป็นลูกชายคนโตของอ๋องแปด เหยินจงฮ่องเต้เมื่อยังทรงพระเยาว์นั้นประสบคดีแมวสับเปลี่ยนองค์รัชทายาท อ๋องแปดจึงให้การเลี้ยงดูเหยินจงจนเติบใหญ่ จ้าวเสียงเห็นน้องชายร่วมมารดาได้รับการประคบประหงม กระทั่งอ๋องแปดพาเหยินจงเข้าวังหลวงเถลิงราชย์เป็นฮ่องเต้ต้าซ่ง ทำให้จ้าวเสียงริษยาจึงได้วางแผนล้างแค้นเหยินจงฮ่องเต้ขึ้นมา นับตั้งแต่สมคบคิดกับญาติห่างๆชาวญี่ปุ่นส่งพระสนมเหอเข้าวังหลวง สร้างความแตกแยกในวังหลัง วางยาพิษในน้ำจันทน์ให้เหยินจงฮ่องเต้เสวยจนไม่สามารถออกว่าราชการ กระทั่งวันนี้กำจัด เปาบุ้นจิ้นขุนนางซึ่งเป็นไว้วางพระทัยของเหยินจงฮ่องเต้ แม้ว่าแผนการทั้งหมดราบรื่นด้วยดี แต่ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงชะตาฟ้ากำหนดไปได้ ในที่สุดความทรงจำของกงซุนเช่อก็ฟื้นคืนมา จั่นเจาก็สามารถหลบหนีออกจากที่คุมขังมาได้ สมุนของจ้าวเสียงไม่อยากติดร่างแหไปด้วยจึงมอบหลักฐานการกระทำความผิดของจ้าวเสียงให้จั่นเจานำไปถวายเหยินจงฮ่องเต้ ก่อนที่เปาบุ้นจิ้นจะลงโทษจ้าวเสียง เหยินจงทรงตัดสินพระทัยอภัยโทษให้จ้าวเสียง จ้าวเสียงถูกนำตัวมายังศาลคายฟงเพื่อรับโทษ ทันใดนั้น เหยินจงฮ่องเต้ก็ทรงมีราชโองการอภัยโทษให้ จ้าวเสียงโดยปลดจ้าวเสียงเป็นสามัญชน ไม่เอาผิดจ้าวเสียงอีกต่อไป สร้างความฉงนท์ให้บรรดาขุนนางทั้งหลายเป็นอันมาก เปาบุ้นจิ้นพยายามทูลเกลี้ยกล่อมเหยินจงฮ่องเต้ แต่ก็ไร้ผล เมื่อไม่มีทางเลือกจึงขอให้อ๋องแปดช่วยออกหน้าโดยให้เห็นแก่ส่วนรวมเป็นสำคัญ อ๋องแปดนำกระบี่อาญาสิทธิ์ของปฐมกษัตริย์เข้าวังหลวงโดยให้เหยินจงฮ่องเต้ประหารพระญาติเพื่อส่วนรวมเป็นสำคัญ ดำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย จ้าวเสียงถูกเปาบุ้นจิ้นลงโทษประหารด้วยเครื่องประหารหัวมังกร หายนะจากเชื้อพระวงศ์จึงสิ้นสุดลงเช่นนี้