หลังจากต้องเลื่อนฉายหลายครั้งเพราะกระแสต่อต้าน หนังสารคดีรางวัลออสการ์ “The Cove” ได้ลงโรงฉายที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ท่ามกลางการประท้วงของประชาชนจำนวนมาก ว่าหนังมีเจตนาโจมตีวัฒนธรรมญี่ปุ่น เสียงตะโกนโห่ร้อง, การเดินขบวน, โบกธง และชูแผ่นป้ายของประชาชนชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่ง เกิดขึ้นบริเวณหน้าโรงภาพยนตร์ในวันที่ 3 ก.ค. เพื่อแสดงการต่อต้านการเข้าฉายของ The Cove สารคดีถ่ายทอดภาพสยองขวัญ ของการล่าโลมาประจำปีในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้ฤกษ์เข้าฉายเสียที หลังจากต้องถูกเลื่อนมาหลายครั้ง

The Cove สารคดีที่แสดงภาพโลมาจำนวนมากถูกล่า เกี่ยวด้วยตะขอ และชำแหละอย่างโหดเหี้ยม ถูกกลุ่มชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งมองว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีเจตนา ‘ต่อต้านญี่ปุ่น’ และดูแคลนประเพณีอันเก่าแก่ของชาติอย่างไม่ยุติธรรม ขณะเดียวกันก็กลายเป็นงานที่โด่งดังระดับโลก และคว้ารางวัลออสการ์ประจำปี 2010 มาครองได้สำเร็จด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุมทั้งสนับสนุน และต่อต้านจำนวนหลายสิบคน เผชิญหน้ากันในบริเวณภายนอก ของโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในย่านชิบูยะกรุงโตเกียว หนึ่งในโรงหนังที่กล้าฉายหนังเรื่องนี้ ซึ่งจะมีโรงหนังอีกกว่า 18 แห่งที่เปิดฉาย The Cove เช่นเดียวกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ยังมีการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นว่า ผู้ชมทั้งหมดจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากการประท้วงอย่างแน่นอน แผ่นป้ายของผู้ประท้วงคนหนึ่งมีข้อความระบุ “อย่ากลั้นแกล้งชาวประมง” ขณะที่ นายโนบุโอะ คิคูจิ แสดงความคิดเห็นว่าปัจจุบันชาวออสเตรเลียฆ่าจิงโจ้ 3 ล้านตัวทุกๆ ปี แต่ก็ไม่เห็นมีใครออกมาว่าอะไร ชายวัย 62 ปีคนนี้ยังกล่าวออกมาว่า “หยุด เลือกปฏิบัติในการโจมตีญี่ปุ่นได้แล้ว ผมอยากรู้ว่าเหตุใดเราถึงเป็นเป้าอยู่เพียงฝ่ายเดียว” The Cove มีกำหนดเข้าฉายตั้งแต่หลายสัปดาห์ก่อน แต่ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง เพราะผู้จัดจำหน่ายเกรงถึงปัญหาการต่อต้านจากคนในชาติ นอกจากนั้นโรงภาพยนตร์ในโตเกียว และโอซาก้าอีก 2 แห่งที่เคยวางโปรแกรมฉายภาพยนตร์เรื่องนี้เอาไว้ ยังต้องประกาศยกเลิกการไปในเวลาเพราะเกรงว่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ลูอี้ สฮอยยอส ช่างภาพของนิตยสาร National Geographic ผู้กำกับ The Cove ติดตามการทำงานของนักเคลื่อนไหวผู้ต่อสู้เรื่องนี้มาโดยตลอด และลงพื้นที่ไปถึงเขตล่าโลมา และวาฬ ในเมืองไทจิ ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ที่ถูกขนานนามว่าเป็นศูนย์กลางแห่งวาฬ ชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งแสดงเจตจำนงว่าต้องการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ เท็ตซึชิ มัตสึโอกะ วัย 33 ปี กล่าวว่าเขาต้องการรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ “ชาวญี่ปุ่นล่า และกินโลมาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่เราไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก เป็นเหตุผมว่าทำไมผมและอีกหลายๆ คนอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับมันผ่านหนังเรื่องนี้” เช่นเดียวกับ โทโมคาซึ โทชินาอิ วัย 32 ปี ที่กล่าวว่า “ผมไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ไม่ว่าจะทั้งทางทีวี หรือหนัง ชาวญี่ปุ่นทุกคนมีสิทธิ์ต้องรับรู้ความจริง” ซึ่งในหนังฉบับที่ฉายในญี่ปุ่น ใบหน้าของชาวประมง และชาวบ้านในไทจิทุกคนที่ปรากฏอยู่ในสารคดีจะถูกเซนเซอร์ทั้งหมด ฝ่ายผู้จัดจำหน่ายได้ออกแถลงการณ์ แสดงความโล่งใจที่สุดได้หนังก็สามารถเผยแพร่ได้ในที่สุด “เราอยากจะขอบคุณโรงหนัง และทีมงานทุกคนที่ร่วมกันทำงานอย่างหนัก เพื่อวันฉายรอบปฐมฤกษ์ครั้งนี้ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ มากมายก็ตามที” ตัวแทนของผู้จัดจำหน่ายกล่าว ขณะที่ฝ่ายสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์แห่งญี่ปุ่น ก็ออกมายืนยันว่าการยับยั้งมิให้ฉายหนังเรื่องใด ถือเป็นเรื่องผิดหลักประชาธิปไตยอย่างแน่นอน “การเคลื่อนไหวแบบนี้ เป็นการจำกัดสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น และความเชื่อ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของประชาธิปไตย” รอยเตอร์ยังระบุว่าญี่ปุ่นมองการล่า และบริโภคสัตว์จำพวกวาฬ เป็นวัฒนธรรมที่ต้องหวงแหนของชาติ โดยใช้การทำวิจัย เป็นฉากหน้าในการการล่าโลมา และวาฬในแต่ละปี ที่ผ่านมามีชาวต่างชาติพยายามเข้ามาประท้วง และหยุดยั้งการกระทำดังกล่าวอยู่เสมอ รวมถึงเหตุการณ์ที่นาย พีท เบทธูน ชาวนิวซีแลนด์หนึ่งในสมาชิกนักเคลื่อนไหวได้ลักลอบขึ้นเรือ โชนัน มารุ หมายเลข 2 ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับขบวนเรือล่าวาฬของญี่ปุ่น ที่แล่นอยู่ในทะเลแอนตาร์คติค เพื่อพยายามจับตัวกัปตันเรือ