วรเทพ สุรสิทธิ์ เศรษฐีเจ้าของรีสอร์ตสุรสิทธิ์กำลังป่วยหนัก จึงเรียกทายาททั้งหมดมาฟังประกาศพินัยกรรม ทุกคนประหลาดใจที่มรดกส่วนหนึ่งตกเป็นของหลานสาวของวรเทพ ที่เกิดกับลูกชายคนสุดท้องของตระกูลคือ บุรินทร์ ที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นเหตุให้ ปรเมศวร์ และปารมี สองพี่น้องที่เป็นญาติฝ่าย สาวิกา ภรรยานายวรเทพ ต้องเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อตามหาตัวทายาทนิรนามคนนี้ ในที่สุดก็พบ จันทร์เจ้า ลูกสาวของนายบุรินทร์ในบ้านเกสต์เฮาส์ให้ฝรั่งเช่าอยู่อย่างแออัด จันทร์เจ้าอายุ 18 ปีชอบแต่งตัวเป็นทอมบอย และอยู่ในความดูแลของ มะลิ แคลาย นักร้องที่มีอาชีพเสริมคือการเปิดสำนักทรงหลอกชาวบ้านหากินไปวันๆ โดยมีจันทร์เจ้าเป็นลูกมือ บางครั้งจันทร์เจ้าก็ถูกประทับทรงเสียเอง เพราะพูดภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสได้ เพราะไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เล็กจนอายุ 10 ขวบ พอพ่อเสียชีวิตก็เลยต้องกลับเมืองไทย หลายครั้งจันทร์เจ้าก็เห็นภาพนิมิตเข้าจริงๆ และช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากหลายๆ หนจนคนแถวนั้นนับถือ จันทร์เจ้าเองก็กลัวความสามารถพิเศษของตัวเองอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อปรเมศวร์และปารมีเข้ามาลองของให้จันทร์เจ้าประทับทรงให้ จันทร์เจ้าเห็นร่างสว่างไสวของคนคนหนึ่งมานั่งร่วมอยู่ด้วย และกระซิบบอกให้จันทร์เจ้าตามปรเมศวร์กลับไปที่ไร่ มะลิไม่ยอมเพราะกลัวจันทร์เจ้าจะถูกหลอก แต่ปรเมศวร์ยืนยันว่าจันทร์เจ้าต้องอยุ่ในความปกครองของเขาตามกฎหมาย จันทร์เจ้าเองก็อยากไปเพราะต้องการรู้เรื่องแม่ที่ตนเองไม่รู้จักมาก่อน จันทร์เจ้าเริ่มเห็นวิญญาณสว่างไสวบ่อยครั้งขึ้น สร้างความหวาดกลัวให้แก่จันทร์เจ้า, มะลิ และข้าวต้มมัด ลูกสมุนวัยเด็กยิ่งนัก ปรเมศวร์พาจันทร์เจ้ากับข้าวต้มมัดไปที่รีสอร์ทสุรสิทธิ์ ปรเมศวร์สั่งให้จันทร์เจ้าทำตัวให้สมกับเป็นทายาทของตระกูลผู้ดี แต่จันทร์เจ้าออกฤทธิ์ออกเดชเต็มที่ทำให้ปรเมศวร์ต้องใช้กำลังกายกำลังใจกำหราบจันทร์เจ้า มีเพียงสองคนที่จันทร์เจ้าไม่กล้าทะลึ่งด้วยคือ นายวรเทพ ที่จันทร์เจ้าเข้าหาบ่อยๆ เพราะได้ฟังเรื่องราวของ วลัย แม่ของตนที่เป็นหญิงชาวบ้านจนๆ และได้แต่งงานกับบุรินทร์ พออยู่กินกันได้ไม่นานก็ต้องแยกทาง บุรินทร์พาลูกสาวไปต่างประเทศส่วนวลัยก็หายสาบสูญไป ที่พ่อแม่ของจันทร์เจ้าต้องแยกทางเป็นเพราะอคติของ คุณย่าสิวิกา ที่คอยรังเกียจแม่ของตน ทำให้จันทร์เจ้ากลัวและไม่กล้าเผชิญหน้ากับคุณย่าสิวิกา ยิ่งเวลาที่เข้าไปดูแลคุณปู่วรเทพนางยิ่งไม่พอใจและพยายามกีดกัน ที่ตึกใหญ่จันทร์เจ้าต้อกับญาติไม่พึงประสงค์หลายราย เช่น นายสมประสงค์ และภรรยาแสนละโมบ นางจงดี ลูกสาวคนโตของนายวรเทพ ที่มีลูกชายลูกสาววัยไล่เลี่ยกับจันทร์เจ้าคือ บัณรส และบัณรสี ที่เป็นเด็กเอาแต่ใจด้วยกันทั้งคู่ คอยหาทางกลั่นแกล้งจันทร์เจ้าและข้าวต้มมัดตลอดเวลา โดยมี ลำยอง สาวใช้ทึนทึกเป็นลูกสมุน จันทร์เจ้ารู้สึกคับแค้นใจว่าปรเมศวร์ลำเอียง เพราะปรเมศวร์คิดว่าเธอคือเด็กโกหกชอบสร้างเรื่องวิญญาณมาหลอกให้คนที่บ้านและโรงเรียนกลัว ครั้งหนึ่งจันทร์เจ้าเห็นแม่มาหาพร้อมเสียงเพลงกล่อมเด็ก จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้าขอข้าวขอแกง ปรเมศวร์เตือนจันทร์เจ้าไม่ให้ฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้ ขณะที่ตัวเองก็พยายามสืบหาข้อมูลการตายลึกลับของนางวลัย โดยมีสารวัตรหนุ่ม ภูษณ คอยช่วยเหลือ แปลกที่สิ่งที่จันทร์เจ้ากล่าวอ้างนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด นายวลัยอาจถูกฆาตกรรม โชคดีที่โรงเรียนมีคนเข้าใจเธออยู่สองคนคือ คุณครูวันวิสาข์ และนุดี หลานสาว นุดีเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนกับจันทร์เจ้า ครูวันวิสาข์ดูจะเชื่อภาพวิญญาณของจันทร์เจ้ามากกว่าใคร เพราะจันทร์เจ้าพูดถึง ครูรมณี ครูสาวสวยที่หายไปจากโรงเรียนอย่างลึกลับเมื่อหลายปีก่อน โดยที่สารวัตรภูษณย้ายมาประจำที่นี่เพราะต้องการสืบเรื่องครูรมณีที่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเขานั่งเอง ในงานแสดงละครของโรงเรียนจัดขึ้นที่ตึกเก่า จันทร์เจ้าเล่นเป็นนางปอร์เชียในละครเวนิสวาณิช เมื่อถึงฉากกรีดเนื้อขึ้นชั่งจันทร์เจ้าเห็นภาพหลอนเลือดทะลักออกมาจริงๆ จันทร์เจ้าเกือบเล่นไม่ได้จนปรเมศวร์ต้องเข้ามาดูแล หลังละครเลิกบัณรสีและบัณรสแกล้งขังจันทร์เจ้าไว้ที่ห้องเก็บของ จันทร์เจ้าเห็นวิญญาณพาเธอขึ้นไปชั้นบนของตึกเก่า และเห็นภาพการฆาตกรรมครูรมณี ปรเมศวร์ตามจันทร์เจ้าเข้ามาในห้อง จันทร์เจ้าบอกว่าศพครูรมณีอยู่หลังกำแพง ปรเมศวร์ทุบกำแพงดูก็พบซากศพครูรมณีที่เหลือแต่กระดูกอยู่ในนั้นจริงๆ การพบศพครูรมณีกลายเป็นข่าวใหญ่ ชีวิตจันทร์เจ้าตกอยู่ในอันตราย ปรเมศวร์และภูษณพยายามสืบหาเบาะแสโดยใช้มะลิและข้าวต้มมัดหาข่าวในบาร์ที่มะลิร้องเพลงอยู่ซึ่งมีแก๊งค์โจรชอบมามั่วสุมกัน ในที่สุดก็ได้ข้อมูลเกี่ยวโยงถึงนายสมประสงค์ที่จ้างวานคนมาทำร้ายจันทร์เจ้า ครั้งหนึ่งปรเมศวร์ถูกกระสุนลูกหลงบาดเจ็บสาหัสหมดสติไป 2-3 วัน จันทร์เจ้าใช้การนั่งสมาธิติดต่อกับเขา เมื่อปรเมศวร์ฟื้นขึ้นมาก็มองเห็นวิญญาณเช่นเดียวกันกับจันทร์เจ้า คุณย่าสิวิกาพานายวรเทพไปพักฟื้นที่บ้านพักริมน้ำห่างจากรีสอร์ตหลายกิโล จันทร์เจ้าตามมาอยู่ด้วยจนนายวรเทพอาการดีขึ้นเดินเหินได้เกือบปกติ จันทร์เจ้ารู้สึกแปลกที่นอนที่บ้านนี้อย่างไม่ปกติสุข ภาพน่ากลัวตามหลอนเหมือนไม่ต้องการให้เธออยู่ที่นี่ แล้วจันทร์เจ้าก็พบความจริงเมื่อเห็นว่ามืองนายวรเทพคือมือที่มีรอยแผลเป็นที่เธอเคยเห็นนั่นเอง จันทร์เจ้าพยายามติดต่อปรเมศวร์และภูษณ แต่นายวรเทพจับได้และบังคับพาจันทร์เจ้าไปเรือนเล็กท้ายบึงน้ำ แล้วติดต่อนายสมประสงค์ให้มาสมทบ ปรเมศวร์รู้ว่าจันทร์เจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะว่าวิญญาณของวลัยมาปรากฏให้เห็นและบอกว่าจันทร์เจ้าอยู่ที่ไหน ปรเมศวร์, ครูวันวิสาข์, ปารมี, มะลิ พยายามไปช่วยจันทร์เจ้า นายวรเทพเผยความจริงให้จันทร์เจ้ารู้ เมื่อวลัยและบุรินทร์แต่งงานกันและเข้ามาอยู่ร่วมบ้าน ความสวยของวลัยถูกใจนายวรเทพมาก จึงถูกนายวรเทพข่มขืนและบังคับไม่ให้บอกสามี แต่แล้วความก็แตกบุรินทร์รู้ความจริง เมื่อวลัยคลอดลูกบุรินทร์จึงพาหนีไปอเมริกา วรเทพต้องการตัวจันทร์เจ้ากลับมาเพราะคิดว่าจันทร์เจ้าคือลูกสาวของเขา ครูรมณีก็เป็นเหยื่อกามอีกคนหนึ่งของนายวรเทพ คุณย่าสิวิกาเข้ามาพร้อมปืนและขู่ให้นายวรเทพปล่อยจันทร์เจ้าไป ยังไงจันทร์เจ้าก็ไม่ใช่ลูกของนายวรเทพแน่ เพราะวลัยท้องก่อนที่จะตกเป็นของวรเทพ คุณย่าสิวิกาคือคนที่รู้เรื่องทั้งหมดแต่ทำอะไรไม่ได้ คุณย่าสิวิกาพาจันทร์เจ้าหนี เมื่อนายวรเทพรู้ว่าจันทร์เจ้าไม่ใช่ลูกก็สั่งลูกน้องให้จับตายทั้งคู่ คุณย่าสิวิกาถูกยิงบาดเจ็บ นายวรเทพตามมาบอกให้ฆ่าจันทร์เจ้าที่เดียวกับที่วลัยถูกฆ่าตายและจับถ่วงน้ำไว้ ปรเมศวร์, ภูษณ และตำรวจตามมาช่วย จันทร์เจ้านึกถึงแม่และท่องบทกล่อมเด็ก จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า เพื่อหวังให้แม่มาช่วย นายวรเทพเห็นภาพวิญญาณทั้งของวลัยและครูรมณีหลอกหลอนจนกลัวลนลานเสียหลักตกลงไปในน้ำ และมีอะไรบางอย่างดึงร่างไว้ให้ดำดิ่งสู่ใต้น้ำอันมืดมิดจนขาดใจตาย นั่นก็คือร่างโครงกระดูกของวลัยที่ถูกจับถ่วงน้ำ ศพนางวลัยถูกนำขึ้นมาทำพิธีทางศาสนา ปรเมศวร์ขอร้องให้จันทร์เจ้าอยู่กับเขาที่นี่ และสร้างรีสอร์ตแห่งนี้ด้วยกัน