บรรยากาศ ณ ชุมชนริมคลองที่สวยงาม และสงบสุขของคลองบางกรวย ไกลออกไปซักระยะหนึ่ง มีหมู่เรือนไทยโบราณร้างอายุเกือบ 100 ปี ตั้งตระหง่านอยู่ เป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้านระแวกนั้น เมื่อมองลงไปที่กระแสน้ำพัดพลิ้วไปมาเห็นเป็นเงาคนออกมาจากเรือนไทย เด็กสาวลุกลี้ลุกลน และมีเงาอีกหลายคนวิ่งตามออกมา ตะโกนเรียกไว้ “ชมนาด...ชมนาด ไม่ต้องไป ยังไม่ถึงเวลาที่ควรจะไป เสียงเด็กสาวตอบกลับมา “ แต่คุณริ้วทองกำลังมีอันตราย ฉันต้องไปช่วยนะ” “ไม่ต้อง… ริ้วทองจะไม่เป็นอะไร เจ้านั่นล่ะ กลับมา เจ้าจะไปได้ก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่สมควรเท่านั้น” เสียงดังดุดันของเงาผู้ชายที่สะท้อนอยู่ในน้ำกังวาลออกมา ส้มเช้ง (อ่อนอุสา ปัญญานิมิต) เกือบเอาชีวิตไม่รอดเมื่ออยากทดสอบความกล้าของตนด้วยการพายเรือออกไปกลางลำคลอง ความเงอะงะของส้มเช้งทำให้เรือขวางคลองจนเกือบชนกับเรือของบูชิตกับเสือ ความตกใจทำให้เรือของส้มเช้งคว่ำ ส้มเช้งว่ายน้ำไม่แข็งพยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด ร้อนถึงบูชิตต้องเป็นฝ่ายช่วยลากส้มเช้งขึ้นฝั่ง ยังไม่ทันจะเอ่ยปากขอบคุณ บูชิตก็จัดอบรมชุดใหญ่ในความประมาทของส้มเช้งที่พลอยทำให้คนอื่นเดือดร้อน โชคดีที่พ่อมด (วิมุต ปัญญานิมิต) บิดาของส้มเช้ง เจ้าของบ้านสวนย่าแดงน้อยต้องเข้ามาห้ามศึก ส้มเช้งสุดเซ็งที่รู้ว่าบูชิตกับเสือคือคนที่ป้าโอ่ง พี่สาวของพ่อมดจ้างให้มาทำงานในสวนช่วงปิดเทอม