เรื่องย่อ ละครไทย ลมหวน วกุล เป็นลูกสาวบุญธรรมของพยาบาลอเมริกันคนหนึ่งชื่อ มิสโรส เซซิล หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ม็อม มิสโรสพบแม่แท้ๆ ของวกุลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่บังเอิญท้องกับพ่อซึ่งเป็นจิตรกรมีชื่อเสียง แม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกที่เกิดนอกสมรสได้จึงยกให้ มิสโรสพยาบาลผู้เป็นโสด วกุลทำงานเป็นแอร์โฮสเตสมีเพื่อนร่วมงานที่สนิทชื่อ ทิพยงค์ วกุลกำลังจะลาออกเพื่อย้ายไปอยู่กับมิสโรสที่แม่ฮ่องสอน กัปตันสายการบินจึงแนะนำให้รู้จักกับน้องชายซึ่งเป็นทนายความประจำอยู่ที่ โน่นชื่อ วิเชียร วิเชียรมารับวกุลที่สนามบินเชียงใหม่ แล้วพาไปดูบ้านเก่าของครอบครัว เซซิลซึ่งให้เช่าแล้วซ่อมแซมต่อเติมใหม่ ภายหลังมิสโรสมาอยู่เองแล้วทำพินัยกรรมยกที่ดินและบ้านให้กับวกุลก่อนที่เธอ จะเสียชีวิต วิเชียรพาวกุลไปดูบ้านเก่าโบราณของสกุลแบรดเล่ย์ ที่เขาเป็นทนายความดูแลด้านกฎหมายให้กับที่นี่ ซึ่งเคยมีสัมปทาน ป่าไม้กับพม่าในอดีตและบริษัทน้ำมัน มีเครื่องบินส่วนตัว มิสเตอร์แบรดเล่ย์เจ้าของเดิมแต่งงานกับหญิงสาวชาวเขาเผ่าปะหล่อชื่อ ปันสี แต่ทั้งสองเครื่องบินตกเสียชีวิตทั้งคู่ทิ้งลูกชายวัยขวบครึ่งชื่อ ลมหวน ไว้กับ นายเดช พี่ชายของปันสีแม่ของลมหวน และมี แม่ขาว คนเก่าแก่ที่เป็นใบ้หูหนวกชาวปะหล่อคอยติดตามดูแลปรนนิบัติ นายเดชเป็นผู้จัดการมรดกทั้งหมดจากพ่อของลมหวน เพราะตามพินัยกรรมให้เขาช่วยดูแลรับผิดชอบลูกชายวัยขวบครึ่ง วิเชียรเล่า ว่าลมหวนเป็นเด็กปัญญาอ่อน นายเดชจึงสร้างโรงพยาบาลส่วนตัวเล็กๆ ทันสมัย มีคนไข้เด็กปัญญาอ่อน 20 กว่าคนพร้อมแพทย์ นักจิตวิทยา พยาบาล โดยไม่เอาตัวไปเข้าโรงพยาบาลของรัฐ ส่วนนายเดชพิการเพราะอุบัติเหตุ มีลูกชายชื่อ เดโช เป็นเพลย์บอยเจ้าสำราญ มักดูถูกและรังเกียจลมหวนว่าไอคิวต่ำ วิเชียรชวนวกุลไปงานเลี้ยงบ้าน นายเดชซึ่งเป็นนายจ้าง ทำให้วกุลได้เห็นภาพความงามของหญิงสาวชาวเขาที่เป็นมารดาของลมหวน และบ้านโบราณของตระกูลแบรดเล่ย์ ที่งดงามแบบล้านนาแท้ๆ มีเครื่องดนตรีของปันสีเป็นกีตาร์เก่า ที่วกุลหยิบมาลองเล่นเพราะเธอเล่นกีตาร์ค่อนข้างเก่ง เธอยังติดใจภาพเขียนของปันสีที่ดูมีจิตวิญญาณคอยเฝ้ามองวกุลเหมือนจะร้องไห้ และวิงวอนขอความช่วยเหลือ นายเดชเห็นวกุลเล่นกีตาร์ของปันสีก็ไม่พอใจสั่งเก็บเข้าตู้ทันที วิเชียรพาวกุลไปเดินเล่นจนพบกระท่อมตุ๊กตาที่ปันสีรักมาก ตอนท้องหล่อนคิดว่าจะได้ลูกสาวจึงสร้างบ้านตุ๊กตาขนาดเล็กไว้ให้เล่น แม่ขาวหวงบ้านตุ๊กตานี้มาก ไม่ให้ใครมายุ่มย่ามปล่อยให้เถาวัลย์เลื้อยคลุมจนหมด วกุลไม่ทันได้ดูข้างในแม่ขาวก็มาขัดขวางเสียก่อน วกุลกลับบ้านแล้วได้พบความเสียใจมากที่สุดเมื่อรู้ว่าแม่บุญธรรมเสียชีวิต แล้ว วกุลตัดสินใจรับงานเป็นเลขานุการของเดโช แล้วย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์แบรดเล่ย์ วกุลยังคงสนใจบ้านตุ๊กตาเหมือนเดิม และแอบเห็นแม่ขาวและชายแก่ผมหงอกเครายาวทำพิธีแปลกประหลาดในกระท่อมตุ๊กตา ตอนกลางคืน วกุลเริ่มใช้ภาษามือพูดกับแม่ขาวและดูแลเมื่อแกป่วยมีไข้สูง เลขานุการของนายเดชชื่อ สมคิด ย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์อีกคนเพื่อเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของวกุล สมคิดยิงปืนแม่นเพราะเคยเป็นตำรวจและถูกให้ออกเพราะรับสินบน วกุลเล่าให้วิเชียรฟังว่าแม่ขาวร้องไห้ เมื่อพูดถึงลมหวนว่าเกิดมาปกติทุกประการ แต่นายเดชเอาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล วิเชียรยืนยันว่าแม่ขาวสติไม่ดี เวลานี้ลมหวนอายุ 25 ปีแล้วยังไม่รู้ประสา น้ำไหลยืด วิเชียรพาวกุลไปพบลมหวน วกุลได้พบกับ หมอพิชิต ที่ดูแลลมหวนและคนไข้กว่า 20 คน ลมหวนอยู่กับคนดูแลชื่อ ชุบ และสมใจ ผู้ช่วยพยาบาล ลมหวนจะกลัว ชุบมากเพราะเป็นคนร่างใหญ่กำยำ วกุลได้รู้จักกับนักจิตวิทยาชื่อ เมธี ทั้งสองเป็นมิตรที่ดีต่อกัน วกุลเสนอจะใช้เสียงดนตรีช่วยลมหวนเมธีเห็นด้วย แม่จันทร์ คนงานเก่าแก่ของโรงพยาบาลมาบอกกับแม่ขาวว่า นายเดชไม่ต้องการให้วกุลมาติดต่อกับแม่ขาว และสั่งให้สมคิดมาบอกวกุล วกุลกับเมธีทดสอบทางจิตกับลมหวนพบว่า ลมหวนมีไอคิวปกติ แต่นายเดชรู้เรื่องเสียก่อนเขาพบรายงานของเมธี จึงสั่งทำลายเอกสารและฆ่าเมธี วิเชียรเชื่อวกุลว่าลมหวนปกติเมื่อดูหลักฐานของเมธี แต่กลัวอันตรายจะเกิดกับลมหวน จึงคิดแผนการพาลมหวนหนีไปที่อื่น เดโชบอกว่านายเดชพ่อของเขากำลังจะย้ายไปอยู่เมืองนอก แต่บังเอิญเกิดไฟไหม้ที่โรงพยาบาลเด็กปัญญาอ่อนเสียก่อน ทำให้ลมหวนหนีไปได้พร้อมกับวกุล โดยการช่วยเหลือของ เกี๋ยงคำ เกี๋ยงคำพาวกุลกับลมหวนหนีไปอยู่หมู่บ้านชาวเขาในป่าลึก