วันนั้นหม่อมบุหลัน ของหม่อมเจ้ารังสิโยภาสแห่งวังรังสิยา ยืนมองเรือประทับของท่านชายแล่นออกจากท่า มองเห็นแสงตะเกียงอ่อนลงจนลับหายไปในที่สุด ในโสตประสาทยังแว่วเสียงสั่งเสียของท่านชายว่า ถ้าบุหลันคลอดลูกก่อนท่านเสด็จกลับ ให้ตั้งชื่อลูกชายว่าหม่อมราชวงศ์ศักดินา ถ้าเป็นลูกหญิงให้ชื่อว่าหม่อมราชวงศ์หญิงวิมลโพยม พร้อมทั้งถอดสร้อยพระศอและเหรียญประทาน โดยท่านชายย้ำว่า ได้ฝากฝังบุหลันไว้กับหม่อมเจ้าหญิงแขไขเจิดจรัส พระชายาเรียบร้อยแล้ว นั่นแหละคือสิ่งที่บุหลันหวาดกลัว โดยเฉพาะนางเฟือง พระพี่เลี้ยงผู้จงรักภักดีของท่านหญิง นางเฟืองจึงแค้นแทนท่านหญิง ที่ท่านชายยกเด็กกำพร้าหลานสาวหัวหน้าห้องเครื่องวังรังสิยามาเป็นหม่อม บุหลันสังหรณ์ใจตลอดเวลาว่านางเฟืองผู้นี้แหละคือศัตรูตัวสำคัญ คืนวันหนึ่ง เสียงฝ่ามือนางเฟืองฟาดลงบนแก้มของบุหลัน พร้อมคำอาฆาตรุนแรงว่า ใครทรยศต่อท่านหญิงมันผู้นั้นต้องตาย บุหลันนัยน์ตาเหลือกลาน ขณะที่ถูกลากตัวมายังเรือนแพริมท้องน้ำที่ประตูเปิดกว้างรอคอย คำสั่งนางเฟืองให้ฆ่าบุหลัน แล้วพาไปทิ้งน้ำ บุหลันรู้สึกวาบหวิวขณะที่ปวดท้องอย่างรุนแรง เสียงฟ้าคำรามเปรี้ยง ฝนตกกระหน่ำกลบเสียงหวีดร้องของบุหลันยามใกล้คลอด เสียงหวีดสุดท้ายดังขึ้นพร้อมเสียงอุแว้ของทารกเกิดใหม่ดังกังวานไปทั่วคุ้งน้ำ เวลาดึกคืนวันนั้น นางเฟืองอุ้มทารกน้อยเพศชายคนหนึ่งมาถวายท่านหญิงพร้อมทูลว่าบุหลันคลอดลูกชายและยกถวายให้เป็นลูกชายท่านหญิง ท่านหญิงแปลกพระทัยแต่ก็หลงรักทารกตั้งแต่แรกเห็น หารู้ไม่ว่าขณะนั้นแม่ของเด็กชายนอนสลบอยู่ในเรือที่ไอ้ยอด บ่าวในเรือนพายมุ่งหน้าไปยังรอยตะเข็บแม่น้ำต่อกับทะเล เมื่อถึงที่หมายขณะที่ไอ้ยอดกำลังจะผลักร่างของบุหลันลงน้ำ มันก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อมันได้ยินเสียงร้องของทารกอีกคนหนึ่ง